คิดจะพัก-การเสวนา“Road to Reform: ทิศทางประเทศไทยภายใต้การแก้ไขรัฐธรรมนูญ”ณ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดโดย องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยมี นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นวิทยากรร่วมเสวนา ณ หอสมุดปรีดี พนมยงค์ U1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ดำเนินรายการโดย ปัญญดา คล้ายโพธิ์ทอง กรรมาธิการโทรคมนาคม
ในวงเสวนา ทุกคนได้ยกเรื่องความล้มเหลวและปัญหาของการที่จะพยายามยื่นแก้รัฐธรรมนูญและกับดักแห่งความยุ่งยากของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ไม่สามารแก้ไขได้ อย่างเช่น ที่มาของเสียงสว.องค์กรอิสระที่ได้จัดตั้งขึ้นมาจากคณะรัฐประหาร
โดยดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้กล่าวว่า รัฐธรรนูญเป็นเครื่องมือให้เราอยู่ภายใต้กติกา สร้างความเท่าเทียมกัน แต่ การแก้รัฐธรรมนูญหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แก้ก็เหมือนไม่ได้แก้ หรือแก้พอผ่านๆ เพียงเพื่อให้มีการเลือกตั้งเท่านั้น
นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การรัฐประหารทำให้ประชาธิปไตยถอยหลังออกไปเรื่อยๆ ปัญหาที่เราต้องมาแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพราะว่ารัฐธรรมนูญที่ผ่านมา โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญปี 2560 มีปัญหา 2 เรื่องใหญ่ คือ
1. ที่มา เพราะว่ารัฐธรรมนูญไม่มาจากประชาชน แต่มาจากคณะรัฐประหารการรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีการประชาสัมพันธ์รณรงค์ไม่เพียงพอ และเมื่อพรรคเพื่อไทย รณรงค์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แต่โดนเอาผิดทางกฎหมาย
2. เนื้อหา ไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน สิทธิเสรีภาพของประชาชนโดนริดรอน องค์กรอิสระมาจาการแต่งตั้ง ดังนั้น การได้มา ส.ส. ส.ว.จึงไม่ตอบโจทย์ของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง
ถ้าเราได้ผู้ที่เข้ามาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนเลือกเอง ก็จะสะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อเปิดให้วิพากวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนั้นอย่างกว้างขวาง คนที่เห็นด้วยก็ออกมาบอกว่าเห็นดว้ยเพราะอะไร คนที่ไม่เห็นด้วยก็ออกมาบอกว่ามันติดขัดในประเด็นไหนที่เขาไม่เห็นด้วย ฉันทามติในการทำประชามติในการรับร่าง มันจะสิ้นสุด เป็นกติการ่วม กติกากลางที่ทุกคนรับได้ เมื่อทุกคนออกมาใช้สิทธิ
…คาดหวังว่ารัฐบาลปัจจุบันจะนำไปสู่การแรัฐธรรมนูญใน 2 ส่วน ทั้งเนื้อหา และที่มา ให้ยึดโยงกับประชาชนมากขึ้น จะแก้ปัญหาที่ประชาชนแยกออกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายเห็นชอบ และฝ่ายไม่เห็นชอบ ขบวนการกลางที่มาจากรัฐบาลของประชาชนจะทำให้เราเดินหน้าไปได้โดยไม่ต้องย้อนกลับเข้ามาสู่การรัฐประหารแบบที่ผ่านมา ยืนยันเคียงข้างฟังเสียงประชาชน ในการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคก้าวไกล เห็นสอดคล้องกับวิทยากรทั้งสองท่าน ในเรื่องของที่มาของรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร ที่ไม่เปิดกว้างให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็นได้ เรื่องของกระบวนการไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และในส่วนของเนื้อหาในรัฐธรรมนูญปี 2560 มีหลายส่วนที่ขัดต่อมาตรฐานสากล และหลายส่วนที่มีความถดถอยในเชิงประชาธิปไตย เปรียบเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับก่อนๆ ในประเทศไทย
โดยคิดว่าข้อวิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อความในรัฐธรรมนูญปี 2560 มีการขยายอำนาจหลายสถาบันทางการเมือง หรือหลายกลไกทางการเมือง ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้ยึดโยงจากประชาชน
ในส่วนเนื้อหา มองว่าท้ายสุดแล้ว เป็นหน้าที่ของ สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ในการไปถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในเนื้อหาที่ตอบโจทย์ที่สุด
โจทย์สำคัญของรัฐธรรมนูญ ต้องอย่ามองว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ แต่ที่คาดหวังไว้มี 2 อย่าง คือ รัฐธรรมนูญต้องมีเนื้อหาที่คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนได้ และรัฐธรรมนูญต้องออกแบบสถาบันทางการเมืองให้มีความชอบธรรม มีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ผลที่ได้จากวงเสวนาครั้งทุกคนเห็นตรงกันปัญหามาจากรัฐธรรมนูญเดิมที่ปิดกั้นสิทธิของประชาชนและที่มาไม่ถูกต้องจึงต้องสร้างความชัดเจนในกระบวนที่เข้ามาแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ มี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง มีการทำประชามติเพื่อว่าจะเดินต่อไปโดยไม่มีอะไรมาสดุด หยุด หรือ เริ่มต้นใหม่ โดยให้การแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ให้เป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ