3วัน2คืนเที่ยวอุทัย หากมันน้อยไปฉันจะเล่าให้ฟัง

คิดจะพัก-อุทัยธานี เดิมสะกดว่า อุไทยธานี เป็นจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย หรือบางหน่วยงานจัดให้อยู่ในตอนล่างของภาคเหนือ สายๆเราออกเดินทางจากกรุงเทพมหานครหนีปัญหาPM2.5ออกไปใช้ชีวิตที่ง่ายสบายๆที่เรียกว่าสโลไลฟ์ที่ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนักนั่นคือ อุทัยธานีโดยวางแพลนทริปไว้3วัน2คืนเพื่อว่าจะได้ไม่ต้องรีบมากนักอยากพักก็พักอยากเที่ยวก็เที่ยว ว่าอย่างนั้น

ร้านครัวทิดเทือง

ออกจากกรุงเทพสายๆเพราะเรากะว่าไปแวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านครัวทิดเทือง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 333 สายอู่ทอง–ท่าน้ำอ้อย นครสวรรค์ (อยู่ใกล้กับถนนท่าแร่)

สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย

หลังจากอิ่มท้องแล้วเราออกเดินทางไป สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ตั้งอยู่ที่ ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของอุทัยธานี มีวิวทิวทัศน์ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาหินปูนสูง สลับซับซ้อนกันไปมา มองไปทางไหนก็เจอแต่สีเขียวของภูเขา

แวะถ่ายรูปและชิมกาแฟกันประมาณ1 ชั่วโมงเราก็เดินทางกันต่อ ลืมบอกไปที่นี่เข้าฟรี ถ้าจะช่วยเหลือก็มีกล่องรับเงินวางอยู่ ช่วยตามที่เราอยากช่วย

หุบป่าตาด

จากสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงหุบป่าตาด Unseen อุทัยธานี ป่าดึกดำบรรพ์เมืองไทย ที่เมื่อเราเข้าไปข้างในแล้ว เหมือนย้อนเวลาเข้าไปสมัย ล้านปีที่แล้วจริงๆ

ต้นตาด หรือต๋าว เป็นพืชตระกูลปาล์มที่ไม่สามารถปลูกได้ จะขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น ต้องใช้เวลาถึง 10 ปีถึงจะออกผลได้

ชิมมะยงชิดและมะม่วงที่หลากสายพันธุ์

มะม่วงและมะยงชิดหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่ จ.อุทัยธานีจะมี ผลไม้ที่อร่อยมากขนาดนี้จนแทบลืมที่อื่นไปเลยทางจังหวัดร่วมกับ ททท.อุทัยธานี จัดงานประเพณี “มะม่วงหลากชนิด มะยงชิดหวานอร่อย และของดีอำเภอลานสัก ประจำปี 2566” ระหว่างวันที่ 18 – 19 มีนาคม 2566 ณ ลานเอนกประสงค์หน้าหุบป่าตาด ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี

เข้าที่พักโรงแรม “ธาราฮิลล์”

เราค้างที่นี่กัน 2 คืน

ท่องราตรีไม่มีน้ำเมา

หลังจากเช็คอินที่โรงแรม“ธาราฮิลล์”เรียบร้อยแล้วเราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าหลังจากตลุยกันมาทั้งก่อนออกไปหาข้าวเย็นกินกันในเมือง

เราเริ่มด้วยอาหารคาวที่ร้านเจ้ดาปลาลวกร้านนี้ตั้งอยู่ริมถนน เปิดขายช่วงเย็นไปถึงค่ำๆ ลูกค้าค่อนข้างเยอะ ช่วงที่ไปไม่ต้องรอคิว ราคาต่อจานไม่แพง เน้นวัตถุดิบสดใหม่ ปรุงรสชาติครบรส ทานคู่กับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน

ปิดท้ายด้วยของหวานที่ร้านน้ำเต้าหู้ ไซ้จันทร์ – เซ็กเกี๋ยกั้ง แม้ชื่อจะอ่านยากแต่ น้ำเต้าหู้โบราณ สูตรดั้งเดิม ร้านนี้ อยู่กลางเมืองอุทัยออกขายตอนเย็น มีเมนูน่าลองมากมาย คนเยอะแต่คิวไม่ยาว ทำเร็วดีมาก

วันที่2

วันนี้เราอยากไปดูวิถีชีวิต ของผู้คนที่นี่เลยต้องตื่นเช้าเป็นพิเศษ เพื่อใส่บาตร ทางเรือ และเดินตลาดเช้าเพื่อหาของกินมาทานเพราะเราเบื่อเบรคฟาสต์สไตล์โรงแรมที่เหมือนๆเดิมทุกที่ที่ไปมา ที่ที่เราไปนั่นคือลานสะแกกรัง

เสร็จตักบาตรตอนเช้าเราก็ออกหาอาหารที่ละลานตาไปหมด อยากกินไปเสียทุกอย่างปัญหาคือจะเอากระเพาะที่ไหนใส่หมด


ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์

จุดแรกของวันนี้นั่นคือ ไปถ่ายรูปมุมธรรมดาที่ซ่อนความสวยงามเอาไว้ถ้าใจไม่รัก หลายคนอาจไม่ชอบ“ฝายกั้นน้ำปางสวรรค์” เป็นฝายกั้นน้ำที่สร้างขึ้นมาเพื่อกักเก็บน้ำและชะลอการไหลของน้ำ ไฮไลท์อยู่ตรงที่ เมื่อน้ำมีปริมาณเกินความจุของฝาย น้ำจะไหลล้นข้ามสันฝายลงมา ทำให้กลายเป็นม่านน้ำตกที่สวยงดงาม


ต้นไม้ยักษ์อายุหลายร้อยปี

เราเดินทางไปยังชุมชนบ้านสะนำ อำเภอบ้านไร่เพื่อชม“ต้นไม้ยักษ์” หรือต้นเซียงยักษ์ที่มีอายุหลายร้อยปี ตั้งตระหง่านท่ามกลางป่าหมากเขียวขจีกว่าร้อยต้น ที่โอบล้อมต้นไม้ยักษ์ไว้อย่างสวยงาม เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยังทรงคุณค่าที่เจ้าของตั้งใจดูแลรักษาไว้เป็นอย่างดี เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มาสัมผัสถึงความอลังการของต้นไม้ต้นนี้

วัดเขาถ้ำประทุน

วัดเขาถ้ำประทุน ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พระอุโบสถรากไม้ ถือเป็นงานไม้ที่สวยงามที่สุดในประเทศไทย ใช้รากไม้ตะเคียนทอง ไม้สัก ไม้มะค่า ไม้ประดู่ รากไม้กันเกรา มาตกแต่ง แกะสลักอย่างสวยงาม

ตลาดซาวไฮ่

ตลาดซาวไฮ่ (ภาษาลาวครั่ง) หรือภาษาไทยก็คือ ตลาดชาวไร่ เป็นตลาดเล็กๆ ที่เกิดจากความร่วมมือของผู้นำและชาวบ้าน ตั้งตลาดเล็กๆ เพื่อให้ชาวบ้านนำของและผลผลิตทางการเกษตรมาวางขาย ที่เงินของคุณจะมีค่ามากมาย เพราะที่นำผลผลิตของชาวบ้านมาขายกันเองราคาจึงถูกและมีคุณภาพอย่างดี

ตลาดตรอกโรงยา

ถนนคนเดินตรอกโรงยา เป็นอีกหนึ่งสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่สามารถสะท้อนเรื่องราวและบรรยากาศของความเป็นเมืองอุทัยได้เป็นอย่างดี เมื่อก่อนเคยเป็นชุมชนที่อยู่อาศัยของชาวจีนอาศัยจำนวนมาก อีกทั้งเป็นแหล่งสูบฝิ่นซึ่งเปิดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงเรียกตรอกนี้จนติดปากว่า “ตรอกโรงยา”

ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2500 เมื่อรัฐบาลประกาศให้ฝิ่นเป็นสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย ตรอกโรงยาจึงซบเซาลงไปโดยปริยาย และได้มีรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่อีกครั้งให้กลายเป็นถนนคนเดินกลางเมืองอุทัยธานี

หมายเหตุ ถนนคนเดินแห่งนี้เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลาประมาณ16.00-21.00น

วันที่3

วันนี้เราตื่นกันสายๆเพราะมีแพลนว่าจะไปวัดที่ใครๆที่มาจังหวัดอุทัยธานีต้องไปนั่นคือวัดสังกัสรัตนคีรี (ยอดเขาสะแกกรัง)

เขาสะแกกรัง เป็นภูเขาที่ตั้งกั้นเมืองอุทัยอยู่ทางทิศตะวันตก ยอดเขาสะแกกรังเป็นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่ตั้งของวัดสังกัสรัตนคีรี เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2443   ภายในวัดเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเมืองอุทัย

ทางขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรังขึ้นไปได้สองทาง คือทางรถยนต์ และจากบริเวณลานวัดจะมีบันได 449 ขั้นตัดตรงขึ้นสู่ยอดเขาสะแกกรังถ้าไม่อยากเดินขึ้นบันไดก็สามารถใช้ทางรถได้ โดยขึ้นทางด้านข้างสนามกีฬาจังหวัด

เวลาหมดแล้วเราจึงออกเดินทางกลับกรุงเทพในช่วงเที่ยงเพราะไม่อยากให้เจอรถติดปากทางเข้า ทริปนี้ถือได้ว่าได้ชาร์จแบตตัวเองเพิ่มขึ้นแม้จะแลกมากับความเหนื่อย แต่ก็สนุก ไปเถอะอุทัย มีอะไรมากกว่าที่เล่าให้ฟัง #AmazingThailand #โมเมนต์ที่ใช่สร้างได้ไม่ต้องรอ