TCE ผนึกกำลังกระทรวงเกษตรฯ สร้างสรรค์อนาคตใหม่ให้เกษตรกรไทย

คิดจะพัก – ในยุคที่โลกเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดและเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในทุกภาคส่วน การพัฒนาภาคการเกษตรให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง บริษัท ไทย คอมโมดิตี้ เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด (TCE) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล ด้วยการสร้างตลาดสินค้าโภคภัณฑ์นวัตกรรมแห่งแรกของประเทศไทย

นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ บริษัท ไทย คอมโมดิตี้ เอ็กซ์เชนจ์ จำกัด (TCE) ตามนโยบายของรัฐบาลที่มุ่งขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทย ด้วยกลไก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขยายตลาดเพื่อการส่งออกในต่างประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการจำหน่ายสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกรไทยต่อไป โดยมีระยะเวลาในความร่วมมือ 5 ปี พิธีลงนามในวันนี้ถือเป็นโอกาสดีในการบูรณาการร่วมกัน

ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์

ความร่วมมือระหว่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับ TCE ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทย โดย TCE ได้พัฒนารูปแบบการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรม ผสมผสานการซื้อขายแบบออนไลน์เข้ากับระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ทำให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงตลาดได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าเกษตรของไทย และสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับเกษตรกร

จุดเด่นของ TCE

  • ตลาดแบบผสมผสาน: ผสานการซื้อขายแบบออนไลน์เข้ากับการจัดส่งตามความต้องการ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย
  • เน้นนวัตกรรม: นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความโปร่งใสในการซื้อขาย
  • เชื่อมโยงทั่วโลก: สร้างเครือข่ายการค้าที่แข็งแกร่ง เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปยังตลาดโลก
  • เกษตรกรเป็นศูนย์กลาง: มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้กับเกษตรกร เพื่อให้มีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
  • สินค้าหลากหลาย: ไม่จำกัดเพียงพืชผลทางการเกษตร แต่ยังรวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการเกษตรอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์จากยางพารา ผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำ เป็นต้น

TCE เปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเกษตรกรไทยมากมาย อาทิ

  • เข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น: สามารถจำหน่ายสินค้าเกษตรไปยังตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ
  • เพิ่มมูลค่าสินค้า: สามารถแปรรูปสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าเพิ่มก่อนส่งออก
  • ลดต้นทุน: ลดต้นทุนในการกระจายสินค้า
  • ได้รับราคาที่เป็นธรรม: สามารถเจรจาต่อรองราคาสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การเกิดขึ้นของ TCE จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน เช่น

  • เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร: ช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน
  • สร้างงาน: สร้างงานและอาชีพใหม่ๆ ในภาคการเกษตรและภาคที่เกี่ยวข้อง
  • เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน: ทำให้สินค้าเกษตรไทยมีความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกมากขึ้น
  • ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจในชนบท: ช่วยพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชนบทให้มีความเข้มแข็ง

TCE เป็นแพลตฟอร์มที่สำคัญในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของไทยให้ก้าวสู่ความทันสมัยและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร และเชื่อมโยงเกษตรกรเข้ากับตลาดโลก การร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคการเกษตรของประเทศไทย โดยจะช่วยให้เกษตรกรไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นคงให้กับภาคการเกษตรของประเทศในระยะยาว