โขนรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร”: สุดยอดมหรสพศิลปะการแสดงแห่งปีที่ไม่ควรพลาด!

คิดจะพัก-ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักในศิลปวัฒนธรรมไทย การแสดงโขนรามเกียรติ์ ตอน “พระจักราวตาร” จะเป็นประสบการณ์ที่ยากจะลืมเลือน ครั้งนี้ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ได้สร้างสรรค์การแสดงที่เรียกได้ว่า “ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบสองทศวรรษ” โดยเฉพาะในเรื่องการอวตารของพระนารายณ์เพื่อกอบกู้พระนางสีดา นำมาถ่ายทอดด้วยฉากที่งดงามอลังการ เครื่องแต่งกายสุดวิจิตร พร้อมดนตรีไทยสด ๆ จากวงดนตรีชั้นนำ

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ประจำปี 2567 นี้ นับเป็นมงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุครบ 6 รอบนักษัตร หรือ ครบรอบ 72 พรรษา
คณะกรรมการจัดการแสดง จึงได้น้อมนำคัดเลือก ตอน “พระจักราวตาร” อันเป็นตอนที่แสดงกฤษฎาภินิหารของพระจักรา หรือพระนารายณ์ ที่อวตารลงมาเป็นพระราม เพื่อปราบปรามฝ่ายอธรรมเปรียบประดุจพระราชวงศ์จักรีที่ผดุงความสุขความสงบให้แก่พสกนิกรชาวไทย

  1. ฉากและแสงสีที่อลังการสะกดสายตา:
    เมื่อฉากเปิดตัวออกมา สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือการใส่ใจในรายละเอียด ฉากแต่ละชุดถูกออกแบบใหม่เพื่อการแสดงนี้โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิคการจัดแสงที่เปลี่ยนบรรยากาศให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกของรามเกียรติ์จริง ๆ ความยิ่งใหญ่ของฉากและการจัดวางทำให้ผู้ชมรู้สึกทึ่งและมีอารมณ์ร่วมไปกับเรื่องราวในทุก ๆ ฉาก
  2. ดนตรีไทยที่สร้างบรรยากาศได้สมบูรณ์แบบ:
    หนึ่งในความพิเศษที่ทำให้การแสดงนี้โดดเด่นคือดนตรีสดที่บรรเลงโดยวงดนตรีไทยชั้นนำ ซึ่งเสียงระนาด ซอ กลอง และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ถูกถ่ายทอดออกมาได้ไพเราะอย่างลงตัว เสียงดนตรีพาเราเข้าไปสัมผัสถึงอารมณ์ที่หลากหลายของตัวละคร โดยเฉพาะฉากที่สำคัญ ๆ ทำให้การแสดงนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์และความหมาย
  3. เครื่องแต่งกายและท่วงท่าที่งดงามและพิถีพิถัน:
    ชุดการแสดงในครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญที่ยากจะมองข้าม ชุดทุกชิ้นดูงดงาม มีความละเอียดอ่อนในลวดลาย สร้างสรรค์ตามแบบฉบับโขนไทยแท้ ๆ ที่ยึดตามขนบโบราณ ท่วงท่าการแสดงที่เข้ากับชุดอันสง่างาม ทำให้การแสดงดูราวกับเป็นงานศิลป์เคลื่อนไหว และเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของนักแสดงที่ลงตัวทั้งท่าร่ายรำและจังหวะ การแสดงนี้กลายเป็นเสน่ห์ที่ตราตรึงใจ
  4. นักแสดงเยาวชนที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และพลัง:
    นักแสดงเยาวชนที่ได้ร่วมแสดงครั้งนี้ต่างทุ่มเทให้การแสดงเต็มที่ ทุกคนได้ผ่านการฝึกฝนอย่างเข้มงวด ซึ่งทำให้ทักษะการแสดงมีความลึกซึ้งและน่าประทับใจ พวกเขาแสดงท่าร่ายรำและท่าทางการต่อสู้ได้อย่างแข็งแกร่งและสมจริง ท่วงท่าในการเคลื่อนไหวที่ลงตัว สะท้อนถึงความรักและความภูมิใจในศิลปะการแสดงของไทย

การแสดงเริ่มจากพระอินทร์และเหล่าเทพนิกรพากันไปอัญเชิญพระนารายณ์ ขณะประทับเหนือพญาอนันตนาคราชในเกษียรสมุทรให้อวตารเพื่อปราบยุคเข็ญ  พระนารายณ์เป็นพระราม  เทพพาหนะและ เทพอาวุธเป็นพระอนุชา พระลักษมีพระชายาเป็นนางสีดาซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งแห่งการต่อสู้รบพุ่งกับฝ่ายอธรรม คือทศกัณฐ์และญาติวงศ์ จากนั้นได้ดำเนินเรื่องเป็นลำดับตั้งแต่พระรามครั้งเยาว์วัยได้ปราบกากนาสูร อสูรญาติของทศกัณฐ์

จากนั้นได้ผูกเรื่องตัดตอนตั้งแต่พระรามเสด็จไปยกศรที่นครมิถิลา ได้นางสีดาเป็นมเหสี จนรับสัตย์จากท้าวทศรถพระบิดาออกเดินป่าเป็นเวลา 14 ปี ขณะอยู่ในป่านางสำมนักขา ขนิษฐาของทศกัณฐ์ซึ่งมาพบพระรามและหลงรักแต่ไม่สมหวังจึงมาฟ้องและยุยงจนเกิดสงคราม ทศกัณฐ์ใช้ให้มารีศแปลงกายเป็นกวางทองมาลวงล่อ  พระรามออกติดตามกวางทอง ทศกัณฐ์แปลงเป็นพระสุธรรมฤษีลอบเข้ามาลักนางสีดาพาขึ้นราชรถ พบกับนกสดายุที่ขวางทาง จนในที่สุดทศกัณฐ์ได้พานางสีดาไปไว้ในอุทยานท้ายกรุงลงกา พระราม พระลักษมณ์ ออกติดตามได้พลวานรทั้งฝ่ายเมืองขีดขินและเมืองชมพู แล้วยกทัพไปทำสงครามชิงนางสีดากลับคืน

ในตอนสุดท้ายของการแสดง สมมุติว่าพระรามได้แสดงกฤษฎาภินิหารบำราบทศกัณฐ์ได้แล้ว จึงเดินทางกลับกรุงอโยธยา และมีการเฉลิมฉลองที่สามารถปราบฝ่ายอธรรมได้ราบคาบ สมดังเจตจำนงหมาย พระนารายณ์หรือพระจักราเปรียบประดุจต้นราชวงศ์จักรีที่ปกครองบ้านเมืองให้มีความสงบสุขร่มเย็น ทรงเสียสละเพื่อผดุงชาติบ้านเมือง ดับยุคเข็ญ นำชาติไทยให้ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้

การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตอนพระจักราวตารจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน ถึง 8 ธันวาคม 2567 ที่หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ทุกสาขา

โขนพระจักราวตาร #มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ #สืบสานศิลปวัฒนธรรม