โรงแรมใหม่ VIVTELโรแมนติกแบบอิตาเลียนบริหารงานแบบญี่ปุ่น

คิดจะพัก-โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ บริษัทรับบริหารจัดการโรงแรมที่ก่อตั้งในประเทศไทยโดยผู้ประกอบการชาวญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2558 ได้ประกาศเปิดตัวแบรนด์โรงแรมใหม่ล่าสุด วิฟเทล (VIVTEL) ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คู่รักที่มองหาสถานที่พักผ่อนอย่างมีชีวิตชีวาและเป็นส่วนตัว ตามหลังความสำเร็จของแบรนด์แรกในเครืออย่างโคโคเทล (Kokotel) ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการกว่า 14 แห่งในประเทศไทย โดยโรงแรมวิฟเทลจะปักหมุดภูเก็ตเป็นโลเกชั่นแรกในชื่อ ‘วิฟเทล ภูเก็ต ป่าตอง’ (VIVTEL Phuket Patong) มีกำหนดเปิดให้บริการเข้าพักในปี 2569 ภายใต้แนวคิด ‘Sleepover to Oversleep’ เพื่อมอบบรรยากาศที่สร้างช่วงเวลาน่าจดจำ มาพร้อมมาตรฐานใหม่สำหรับการบริการที่เน้นประสบการณ์อย่างแท้จริง

ชื่อ VIVTEL ได้แรงบันดาลใจมาจากคำว่า “Vivace” หรือ “Viva” ในภาษาอิตาเลียน หมายถึงความมีชีวิตชีวา สะท้อนบรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยพลังและยกระดับประสบการณ์การเข้าพัก จุดเด่นของแบรนด์โรงแรมพรีเมียมไลฟ์สไตล์ใหม่นี้คือการนำเสนอความโรแมนติก ผสมกับความสนุกสนานและมีชีวิตชีวา ซึ่งช่วยสร้างความโดดเด่นให้วิฟเทลท่ามกลางอุตสาหกรรมการบริการที่มีการแข่งขันสูง ในคอนเซ็ปต์ ‘A Place for Honey and Fine Wine’ หรือสถานที่ที่ให้คุณดื่มด่ำกับช่วงเวลาความสุขกับคนพิเศษและไวน์ชั้นเลิศ ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์นบรรจบกับกลิ่นอายความโรแมนติกในบรรยากาศผ่อนคลาย ณ พื้นที่ต้อนรับในล็อบบี้ดีไซน์สวย มีฉากหลังเป็นไวน์บาร์พรีเมียม และยังเสิร์ฟซิกเนเจอร์ค็อกเทลให้แขกได้สัมผัสความมีชีวิตชีวาตั้งแต่วินาทีแรกที่เดินเข้ามา

โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ ออกแบบวิฟเทลอย่างสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิด “พื้นที่ของเรา” ซึ่งผสมผสานพื้นที่ส่วนรวมและพื้นที่ส่วนตัวเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแขกแต่ละท่าน ห้องพักแต่ละห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบพิเศษมาเพื่อคู่รักโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่รับประทานอาหารส่วนตัวภายในห้อง มาพร้อมอุปกรณ์สำหรับชงเครื่องดื่ม ให้คู่รักได้รังสรรค์รสชาติค็อกเทลในแบบของตัวเองได้อย่างเป็นส่วนตัว ต่อด้วยชุดคลุมเนื้อนุ่มแบบเข้าคู่กัน สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องน้ำที่เป็นเอกลักษณ์ และกล่องเบนโตะที่คัดสรรวัตถุดิบสดใหม่ในท้องถิ่นอย่างพิถีพิถัน มีให้บริการสำหรับอาหารเช้าหรืออาหารกลางวัน เป็นความภาคภูมิใจของแบรนด์วิฟเทลที่ได้สนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

มุ่งเน้นประสิทธิภาพและการสร้างคุณค่าสำหรับนักลงทุนหรือเจ้าของโรงแรม

โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยโรงแรมที่ทางบริษัทรับบริหารมี Gross Operating Profit (GOP) หรือ ผลกำไรเบื้องต้นจากการบริหารประมาณ 55% ซึ่งนับเป็น KPI ที่สำคัญของผู้บริหารโรงแรมทุกคนเพราะการทำธุรกิจ ย่อมหวังผลกำไร ถือว่าเกือบจะเป็นสองเท่าของค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมที่ 30% ความสำเร็จนี้เกิดจากโมเดลการบริหารจัดการจากส่วนกลาง (Centralized Operation) ของบริษัท ซึ่งช่วยให้สามารถบริหารจัดการทั้งหมดได้ด้วยจำนวนบุคลากรที่น้อยลงและต้นทุนที่ลดลง โดยมีทีมหลังบ้านที่สำนักงานใหญ่คอยทุ่มเทจัดการการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

“ในฐานะเจ้าของโรงแรม การเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป็นเป้าหมายที่ทุกคนต้องการ หนึ่งในกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการลงทุนกับวัสดุการออกแบบและตกแต่งภายใน แม้ว่าการออกแบบภายในจะเป็นสัดส่วนที่เล็กกว่าของการลงทุนทั้งหมด แต่ก็มีศักยภาพที่จะเพิ่มกระแสเงินสดได้ 1.5 ถึง 2 เท่าโดยการเพิ่มค่าเฉลี่ยอัตราห้องพัก (ADR) ซึ่งบูติกโฮเทลในประเทศไทยก็ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าการลงทุนในด้านการออกแบบที่มีการวางแผนอย่างดีสามารถทำให้ราคาห้องพักเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า” เรย์ มัตสึดะ (Rei Matsuda) ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัทโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ กล่าว

“เราเชื่อว่าวิฟเทลเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับเจ้าของโรงแรมที่มีงบประมาณและความต้องการในตลาดที่อยู่ในทำเลของพวกเขา เป้าหมายของเราคือการให้บริการที่มีประสิทธิภาพซึ่งรับประกันบริการที่มีคุณภาพระดับพรีเมียมและสร้างรายได้ที่สูงขึ้น” เขาเสริม

VIVTEL กับอนาคตของอุตสาหกรรมบริการ

ในขณะที่อุตสาหกรรมการบริการมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ กำลังวางตำแหน่งโรงแรมวิฟเทลเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับการเข้าพักที่มีความเป็นส่วนตัวและมุ่งเน้นประสบการณ์ “อนาคตของอุตสาหกรรมการบริการอยู่ที่การสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำสำหรับแขก ซึ่งไปไกลกว่าการให้บริการที่พักเพียงอย่างเดียว” เรย์ มัตสึดะกล่าวเสริม “เรากำลังนิยามประสบการณ์ในโรงแรมแบบใหม่ผ่านแบรนด์วิฟเทล โดยมุ่งเน้นการเข้าพักที่อบอุ่น สนุกสนาน และมีชีวิตชีวา” ทั้งนี้ บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ มีความมุ่งมั่นที่จะขยายแบรนด์วิฟเทลไปทั่วประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพและความอบอุ่นใกล้ชิดซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างเอกลักษณ์ความแตกต่างให้กับแบรนด์