คิดจะพัก-นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้เดินทางไปเยี่ยมเยือนชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์อาข่า บ้านผาฮี้ อ.แม่สาย จังหวัดเชียงราย พบปะพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์และร่วมรับฟังข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมดำเนินนโยบายด้านชาติพันธุ์ หลังกฎหมายชาติพันธุ์ฉบับแรกของไทยมีผลบังคับใช้ในเร็ววันนี้
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวกับพี่น้องกลุ่ม ชาติพันธุ์อาข่าที่มาร่วมให้การต้อนรับว่า “รู้สึกดีใจมาก ที่ได้มาพบปะเยี่ยมเยือนพี่น้องในวันนี้ ในนามของรัฐบาลอยากเรียนกับพี่น้องว่า หลังจากที่พี่น้องได้ไปร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมจัดงาน KICK OFF กฎหมายชาติพันธุ์ จังหวัดแม่ฮ่องสอน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอนนี้ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ที่พวกเราได้ร่วมกันผลักดันได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว และอีกไม่นานก็จะประกาศใช้เป็นกฎหมายสำหรับพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ทุกกลุ่มในประเทศไทย ดิฉันเชื่อว่าเมื่อกฎหมายนี้ประกาศใช้แล้วจะเป็นหลักประกันให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์มีความมั่นคงในชีวิต สามารถประกอบอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ดำรงอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญและมุ่งคุ้มครองและส่งเสริมศักยภาพกลุ่มชาติพันธุ์ให้มีความเสมอภาคอย่างทั่วถึงกัน”
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล ได้กล่าวถึงนโยบายสำคัญของกระทรวงวัฒนธรรมในการส่งเสริม Soft Power ชาติพันธุ์ ว่า “กระทรวงวัฒนธรรมมีนโยบายสำคัญในการส่งเสริม Soft Power ชาติพันธุ์ โดยจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพให้ชุมชนชาติพันธุ์ใช้ทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นมรดกภูมิปัญญาของชุมชนมาต่อยอดเป็นเศรษฐกิจบนฐานวัฒนธรรม ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนและการส่งเสริมการท่องเที่ยวมิติวัฒนธรรม เพื่อให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์สามารถพึ่งตนเองได้และมีความเป็นอยู่ที่ขึ้น และในวันนี้เมื่อได้มาเยี่ยมเยือนชุมชนพี่น้องอาข่าบ้านผาฮี้ และได้เห็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแล้ว ก็ยิ่งทำให้เชื่อมั่นว่าพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์มีศักยภาพและมีความพร้อมที่จะปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ภารกิจกระทรวงวัฒนธรรมคือการสนับสนุนและส่งเสริมศักยภาพให้ชุมชนมีความสามารถในการจัดการข้อมูลเชิงวัฒนธรรมเพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลชุมชนชาติพันธุ์สำหรับพัฒนาต่อยอดเป็น Soft Power ที่สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ โดยจะสนับสนุนการพัฒนา Brand ชาติพันธุ์ให้มีความเข้มแข็งภายใต้การขับเคลื่อนผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมไทย หรือ CPOT ของกระทรวงวัฒนธรรม ที่มุ่งยกระดับมรดกภูมิปัญญา และมรดกทางศิลปวัฒนธรรม รังสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม ที่ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ให้กับชุมชนนำไปสู่การสร้างความมั่นคงและยั่งยืน”
บ้านผาฮี้ เป็นชุมชนชาวอาข่าติดชายแดนไทยเมียนมา ชุมชนอยู่ในความดูแลโครงการดอยตุง เป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่นอกจากชาวอาข่าแล้ว ยังมีมูเซอร์แดง มูเซอร์ดำ ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้มีถางป่าจนหัวโล้นแล้วปลูกฝิ่น ข้าวโพด จนกระทั่งในปี 2531 เมื่อโครงการพัฒนาดอยตุง ได้เข้ามาในหมู่บ้าน ส่งเสริมและสนับสนุนให้ชาวบ้านปลูกกาแฟกันมากขึ้น จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชาวอาข่าผาฮี้ ที่หันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลักทั้งหมู่บ้าน โดยส่งเสริมให้ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าซึ่งให้ผลดีในพื้นที่สูงจนโด่งดังไปทั่วโลก บ้านผาฮี้ ยังรักษาศาสนาดั้งเดิมของอาข่าไว้อย่างดี ยังนับถือและไหว้บรรพบุรุษแบบอาข่า และ ยังทำพิธีกรรมประเพณีแบบอาข่าทุกเทศกาล ยังรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีไว้ครบถ้วน แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวที่หมู่บ้านผาฮี้จำนวนมาก ชุมชนมีโฮมสเตย์ 50 หลัง 1 หลังสามารถรับแขกได้ 15-20 คน มีกฎระเบียบชัดเจน มีการจัดการขยะในชุมชนที่ดี และที่สำคัญดูแลไฟป่าได้อย่างดีเยี่ยม พื้นที่การดูแลรับผิดชอบของบ้านผาฮี้ มีเวรยามเฝ้าระวังไฟป่าตลอดทั้งปี ทำแนวกันไฟรอบแนวเขตพื้นที่รับผิดชอบของชุมชนทุกปี