โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบโอวาสตอนหนึ่งว่า การช่วยเหลือชีวิตเด็กและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ทั้ง 13 คน ที่ติดอยู่ ณ วนอุทยานถ้ำหลวง – ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย นับเป็นเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ  เอกชนและประชาชนทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศที่ปฏิบัติภารกิจด้วยความกล้าหาญ ทุ่มเทและเสียสละอย่างสุดกำลังความสามารถโดยได้รับกำลังใจจากคนทั่วโลก ทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตาม ความร่วมมือร่วมใจของคนทั่วโลกในครั้งนี้ไม่ได้คำนึงถึงเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ เพราะมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือ ความเป็นมนุษยชน  ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นประสบการณ์และก่อให้เกิดแรงบันดาลใจแก่คนทั่วโลกในการเรียนรู้และหันมาใช้ชีวิตเพื่อผู้อื่น เป็นการช่วยเปลี่ยนแปลงโลกได้

พร้อมกล่าวชื่นชมเด็ก ๆ ทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ที่มีวินัยและอดทน เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี และขอให้เด็ก ๆ ทุกคนระลึกถึงบุคคลที่ให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ ขอให้นำประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นพลังในการดำเนินชีวิต เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ ช่วยเหลือและตอบแทนสังคม สร้างความรักความสามัคคี นำประเทศไปสู่ก้าวหน้าต่อไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ร่วมถ่ายรูปเซลฟี่กับเด็กและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ทั้ง 13 คน อย่างเป็นกันเอง ก่อนจะพาเด็กและโค้ชทีมฟุตบอลเยาวชนหมูป่าอะคาเดมี่ ทั้ง 13 คน ขึ้นไปดูบรรยากาศห้องประชุมคณะรัฐมนตรี