คิดจะพัก-ใครจะนึกว่าในประเทศไทยจะมีดินแดนดึกดำบรรพ์ แบบในหนังโลกจูราสิคพาร์ค ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกรุงเทพ
ออกเดินทางจากตัวจังหวัดอุทัยธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 333 (อุทัยธานี-หนองฉาง) และเข้าทางหลวงหมายเลข 3438 (หนองฉาง-ลานสัก) ไปอีกประมาณ 90 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดหมาย หุบป่าตาดอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน
หุบป่าตาด ตั้งอยู่ใน ตำบลทุ่งนางาม อำเภอลานสัก อุทัยธานี อยู่ในความดูแลของเขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ
หุบป่าตาด ได้ถูกประกาศจากกรมอุทยานแห่งชาติ ให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ที่แปลกตาด้วยพันธุ์ไม้ หายากมากมายหลายชนิด เช่น ต้นกระพง ยมหิน ยมป่า ต้นไทร และต้นปอหูช้างที่ขึ้นอยู่บนก้อนหิน ไม่ยอมงอกบนดิน ด้วยระบบนิเวศน์ของบริเวณนี้ที่ถือว่ายังคงความสมบูรณ์อยู่มาก จึงเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น เลียงผา ไก่ฟ้า ลิง และนกหลากสายพันธุ์เลยทีเดียว
โดยหุบป่าตาดมีลักษณะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ที่ภายในคือผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาดและพืชพันธุ์โบราณแปลกตา ซึ่งต้นตาดนั้นจัดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม เมื่อมาถึงปากทางขึ้นไปยังหุบป่าตาด ต้องเสียค่าบริการเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท จะมีบริการมักคุเทศน์น้อยนำทางที่คอยเล่าเรื่องราวของป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ซึ่งค่าบริการแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้ ก็ดีนะที่มีน้องๆมาช่วยเราได้ความรู้เกี่ยวกับความเป็นมาของสถานทีและพันธุ์พืชต่างๆ ได้เข้าใจมากขึ้น
ระยะทางการเดินชมธรรมชาติ ประมาณ700 เมตร ใช้เวลาเดินชมโดยประมาณ 30 นาที เจ้าหน้าที่แจ้งรายละเอียดความเป็นมาของถ้ำให้เราพอได้ทราบรายละเอียดเบื้องต้นถึงเวลาต้องเดินแล้ว มัคคุเทศก์น้อยเดินนำทางบอกเล่าเกี่ยวกับพันธ์ไม้ข้างทางมาเรื่อยๆตามทางเดินมี ต้นตาดขึ้นปกคลุมหนาแน่นในวงล้อมของผาหินที่มีหินงอก หินย้อย รูปร่างแปลกตา
โดย เริ่มจากเดินผ่านไปยังบันไดทางเดินที่ได้จัดทำไว้ มาถีง โถงถ้ำที่มืดสนิท ซึ่งทางเข้าออก ทางเดียว ต้องลอดอุโมงค์ถ้ำเข้าไป มัคเทศน์น้อยเปิดไฟฉายบางคนก็ใช้ไฟฉายจากมือถือส่งนำทางเดินฝ่าความมืดเข้าไป ภายในถ้ำ มัคเทศน์น้อย ฉายไฟให้นักท่องเที่ยวได้ดูหินย้อยตามผนังถ้ำบางที่มีค้างคาว เดินลอดอุโมงค์ถ้ำหินแสงสว่างอีกฟากหนึ่งของถ้ำทำให้ความรู้สึกเหมือนกำลังย้อนยุคเข้าไปอยู่ในยุคไดโนเสาร์เลยที่เดี่ยว เบื้องหน้ามองเห็นเป็นเขาหินปูนกับป่าดงดิบขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นตาดมากมาย (ต้นตาดคือต้นไม้โบราณเป็นพันธุ์เดียวกับปาล์ม) และแปลกตาไปด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ
เดินเข้ามาเกือบสุดเส้นทางจะพบกับถ้ำอีก 1 ถ้ำ แบบเปิดโล่งพอเห็นแสง มีหินงอกหินย้อย และหินปูน ซึ่งลวดลายหินที่งดงาม หากมาเที่ยวในช่วงกลางวันจะมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากลางหุบที่ล้อมรอบด้วยภูเขาหินปูนสูงชันจากถ้ำก็มาถึงทางเดินเล็กๆ ซึ่งเต็มไปด้วยป่าตาดเช่นกัน โดยเมื่อมาถึงตรงจุดนี้ลักษณะทางเดิน จะเป็นการเดินกลับไปยังเส้นทางเดิม ระหว่างทางก็จะได้เห็นต้นไม้แปลกหลายชนิด แต่ถ้าใครเดินทางมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนตั้งแต่ประมาณเดือนสิงหาคม – พฤศจิกายน ท่านจะได้พบกับเจ้ากิ้งกือมังกรสีชมพู มีลักษณะโดดเด่นของมันมีลวดลายและปุ่มหนามคล้ายมังกร พบได้ในป่าที่มีความชุ่มชื้นสูงและอุดมสมบูรณ์ เมื่อโตเต็มที่จะมีลำตัวยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ถือว่า เป็นสัตว์ที่หาดูได้อยากมาก
ท่านจะพบเห็นแห่งเดียวในโลกได้ ที่หุบป่าตาดแห่ง แต่ต้องคอยสังเกตให้ดีนะ เพราะตัวเล็กมาก น้องมัคคุเทศน์น้อยๆของเรายังบอกเล่าอีกว่า ลูกตาดที่เราเห็นเป็นทะลายใหญ่สีดำบนยอดต้นนั้น เนื้อในมีลักษณะคล้ายลูกชิดสามารถนำไปต้มกินได้ แต่ไม่เป็นที่นิยมกันเนื่องจากมีเนื้อค่อนข้างน้อยนั่นเอง ยังแถมท้ายแนะนำสมุนไพรให้เราอีกอย่าง
อันนี้”ต้นกระทืบค่ะพี่”เราไม่เคยได้ยินเลยนะว่ามีต้นกระทืบเมียด้วยหรอ เขาเอาไปใช้ดองเหล้าค่ะหรือส่วนใหญ่เขาเรียกม้ากระทืบโลงค๋ะ” แม้น้องเล่นเสียลูกทัวร์ตามไม่ทันเลย
ท่านใดสนใจจะมาเที่ยวชมและมาอุดหนุนน้องๆมัคคุเทศน์น้อยเชิญดูรายละเอียดเพิ่มเติมตามนี้ครับ
หุบป่าตาดเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 8.30 น. – 16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาทในวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีไกด์น้อยมาคอยพานำเที่ยวชมตามค่าบริการแล้วแต่นักท่องเที่ยวจะให้
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเที่ยวหุบป่าตาดคือช่วง 11:00-13:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่แสงส่องลงมายังหุบป่าตาด ทำให้เห็นประกายของหินแวววับในโพรงถ้ำสวยงามมากและยาลื่มนำไฟฉายกับยากันยุงมาด้วยนะครับ
สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าถ้ำประทุน โทร. 0-5698-9128