คิดจะพัก – ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร ร่วมกับกรมธนารักษ์และสถาบันไทยคดีศึกษา จัด “โครงการสื่อสัญจร: จากชุมชนสู่พิพิธภัณฑ์ ตอน Banglamphu @Night – เสน่ห์บางลำพูนยามค่ำคืน” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563 พาเที่ยวมิวเซียมสยาม พิพิธบางลำพู พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ และชมสีสันในถนนข้าวสาร …มีเรื่องเล่า ยาวเลยค่ะ!
ออกเดินทางจาก ททท. สำนักงานกรุงเทพฯ ในเวลา 13.00 น. จุดหมายแรกคือ มิวเซียมสยาม ตามด้วย พิพิธบางลำพู และพิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ จากนั้นในเวลาค่ำ ได้ร่วมเดินเท้าเที่ยวชมวิถีชีวิต และความงดงามยามราตรีที่ถนนข้าวสาร จึงขอเล่าเท่าที่รู้ และที่เห็น
มิวเซียมสยาม
มิวเซียมสยามเป็นพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นเปิดประสบการณ์ใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ และสร้างสำนึกให้คนไทยรู้จักตนเอง รู้จักเพื่อนบ้าน รู้จักโลก ผ่านเทคโนโลยีสมัยใหม่บวกกับความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และเรื่องราวต่างๆ อย่างสนุกสนาน โดยจะแบ่งเป็น
ชั้นที่ 1 ส่วนจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียน ร้านจำหน่ายของที่ระลึก และส่วนประชาสัมพันธ์
ชั้น 2 – 3 จัดแสดงนิทรรศการถาวรชุดถอดรหัสไทย …ซึ่งเราได้เยี่ยมชม และร่วมถอดรหัสในวันนี้ อาจจะชมไม่ครบ และไม่มีภาพให้ชม จึงขอข้ามไป…
นิทรรศการถาวรชุดถอดรหัสไทย
ห้องที่ 1 ไทยรึเปล่า
เริ่มต้นที่ห้องนี้ ถามกันง่ายๆ ไทยรึเปล่า? ใครตอบได้บ้าง นี่คือปัญหา “ความเป็นไทย” ในโลกความเป็นจริง และโลกโซเชียลฯ ที่พาไปถอดรหัสความเป็นไทยให้ชัดแจ๋ว แบบที่ไม่มีใครทำมาก่อน
ภายในห้องเต็มไปด้วยคำถาม… ส่วนนี้จัดแสดงหุ่นโชว์ในชุดไทยที่มีลวดลายชวนให้ตั้งคำถามว่า ความเป็นไทยแท้อยู่ตรงไหนในชุดไทยที่เห็นอยู่ตรงหน้า
ห้องที่ 2 ไทยแปลไทย
ความเป็นไทยแต่ละอย่างเกิดขึ้นตอนไหนมีลำดับเวลาอย่างไร แต่ละสมัยใช้อะไร
ห้องนี้เต็มไปด้วยตู้โชว์และลิ้นชักข้อมูลในการถอดรหัสไทย วัตถุที่จัดแสดงทั้งหมด คือสิ่งที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนความเป็นไทยในแต่ละยุคสมัย
ห้องที่ 3 ไทยตั้งแต่เกิด
ความเป็นไทยแต่ละอย่างเกิดขึ้นตอนไหน มีลำดับเวลาอย่างไร แต่ละสมัยใช้อะไรเป็นตัวแทนความเป็นไทย
ชมการแสดงลำดับและพัฒนาการของความเป็นไทย ผ่านแสง สี เสียง และโมเดล 3 มิติ ที่แสดงให้เห็นภาพการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ 6 ยุค สิ่งที่เราได้เห็นอย่างชัดเจนคือความเป็นไทยของยุคใดยุคหนึ่งอาจถูกนำมาผลิตซ้ำอีกได้ และบางยุคมีการสร้างความเป็นไทยขึ้นมาใหม่ ตามความคิด ความรู้สึก และความต้องการของสังคมในยุคนั้นๆ
ห้องที่ 5 ไทยอลังการ
ห้องนี้คือแดนสวรรค์สมมุติ มีเขาพระสุเมรุในรูปของพระราชบัลลังก์ ตั้งอยู่ใจกลางจักรวาลอันเป็นที่ประทับของกษัตริย์ “หัวใจ” ของความเป็นไทย
ห้องนี้ได้สมมุติราชบัลลังก์ และท้องพระโรงขึ้น เท่ากับว่าห้องทั้งสองนี้เป็นแดนสวรรค์ มีดาวบนเพดานเป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้า มีราชบัลลังก์เป็นศูนย์กลางจักรวาล…ต้องดูอย่างใกล้ชิด
ห้องที่ 6 ไทยแค่ไหน
ความเป็นไทยมีระดับสูง ต่ำ เข้ม จาง ซ่อนเร้นอยู่เหมือนกัน ความเป็นไทยดูกันตรงไหน วัดกันอยางไร
ภายในห้องเต็มไปด้วยหุ่นโชว์สวมเครื่องแต่งกายสวยงาม เหมือนเข้าไปดูแฟชั่นโชว์ แต่สิ่งที่นำมาใช้นั้นก็เพื่อแสดงถึงความเป็นไทย เสื้อผ้าทุกชุดเป็นชุดไทย หลายคนมีคำถามในใจต่างๆ นานา ที่พาให้ต้องถอดรหัส
ในส่วนของห้องถอดรหัสอื่นที่ไม่ได้เล่าถึง เป็นห้องที่เราไม่ได้เข้าชมในชั้น 3 นี้ คือ ห้องจัดแสดงไทยสถาบัน
ลงบันไดไปชมนิทรรศการถาวร ที่ชั้น 2
ห้องที่ 7 ไทย Only
ไทยเท่านั้น คือ ไทยมี ไทยทำ แต่ที่อื่นไม่มี แม้จะเป็นสิ่งเล็กสิ่งน้อย สิ่งของที่จัดแสดงดูเรียบง่าย แบบบ้านๆ แต่ล้วนเป็นชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์
ห้องนี้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ที่เราเห็นอย่างคุ้นตาในชีวิตประจำวัน ที่ต้องมองอย่างตั้งใจ เพื่อจะได้รู้จัก คนไทยแท้ๆ จากสิ่งของเหล่านี้
ห้องที่ 8 ไทย INTER
ความเป็นไทย ที่ไทยภูมิใจเสนอ มักเป็นของสูงเลอค่าสง่างาม แต่บางครั้ง คนอื่นเห็นและชื่นชอบความเป็นไทยบ้านๆ มากกว่า
ห้องนี้เป็นการประชันกันระหว่างไทยเลอค่าสง่างามที่ไทยภูมิใจเสนอกับไทยสตรีทๆ ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบ และจดจำ
ห้องนี้มีชื่อเล่นว่า ไทยเสนอ เทศสนอง …โดยเราสามารถดูผ่านตู้ แล้วกดปุ่มหาความเป็นไทยแบบสตรีทผ่านตู้ดังกล่าว …เราจะเห็นภาพไทยแบบเว่อร์วัง ที่มักจะเสนอต่างชาติ และเมื่อกดปุ่มสลับ เราจะได้เห็นความเป็นไทยแบบ สตรีทๆ ที่ต่างชาติมักจะสนุกมากกว่า
ห้องที่ 9 ไทยวิทยา
จัดแสดงความเป็นไทยในรูปแบบและเนื้อหาปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย (4 ยุค)
2475 – 2490 ไทยในสมัยรัชนิยม
2500 – 2525 สถาบันกษัตริกลับมาเป็นแกนกลางของความเป็นไทย
2530 – 2540 ความเป็นไทยในกระแสโลกไร้พรหมแดน
2545 – 2559 ความเป็นไทยในยุคพอเพียง
ห้องนี้ จำลองบรรยากาสห้องเรียน ทั้ง 4 ยุค โดยแต่ละยุคจะมีเนื้อหาและบรรยากาศทางสังคมให้ถอดรหัสไทย ผ่านหนังสือ แบบเรียน สิ่งพิมพ์ และบทเพลงยอดฮิตประจำยุค
ห้องที่ 10 ไทยชิม
อาหารไทย ขึ้นชื่อว่า มีที่มาหลากหลาย แต่รสไทย ที่ผ่านการโขลก ตำ ยำ คลุก ปรุงเปลี่ยน ต่างหากที่บ่งบอกความเป็นไทย จนยากที่ใครจะก็อปรสมือไทยได้
ห้องนี้มีอาหารหลากหลายเมนูให้ค้นหา รหัสไทย เป็นอาหารบ้านๆ ที่กินกันอยู่ทุกวัน โดยรหัสไทยในอาหารแต่ละอย่างจะถูกซ่อนอยู่ในจานทุกใบในห้องนี้ ผ่านคิวอาร์โค้ด ที่เราสามารถนำไปค้นหาชนิดของอาหารได้ผ่านเครื่องสแกนที่อยู่ตรงกลางห้อง เราก็จะพบกับภาพอาหารอยู่ในจาน พร้อมบอกวิธีทำ และเครื่องปรุงต่างๆ ให้เห็นอยู่บนโต๊ะ
ห้องที่ 12 ไทยเชื่อ
ความเชื่อแบบไทยๆ ทำให้เรามีพุทธแบบไทย พราหมณ์แบบไทย และผีแบบไทย ความเชื่อแบบไทยๆ นี้เป็นรหัสไทยที่บ่งบอกตัวตนคนไทยได้มากที่สุดอย่างหนึ่ง
ห้องนี้ได้รวบรวมวัตถุทางความเชื่อส่วนหนึ่งของเมืองไทย จำนวน 108 สิ่ง ครอบคลุมทั้งความเชื่อเรื่องผี พุทธศาสนา พราหมณ์ และความเชื่อแบบไทย โดยมีไฮไลท์อยู่ด้านหลังของห้องให้เราได้ทดลองความเชื่อกัน เช่น เสี่ยงเซียมซี ยกช้าง เป็นต้น
ส่วนห้องถอดรหัสไทย ที่เราไม่ได้ชมในชั้นที่ 2 คือห้องจัดแสดง ไทยดีโคตร ไทยแชะ และไทยประเพณี
มิวเซียมสยาม ที่ตั้ง: เลขที่ 4 ถนนสนามไชย พระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ : 02 225 2777 www.facebook.com/museumsiamfan https://www.museumsiam.org/index.php การเดินทาง: - ทางรถยนต์ : ลงทางด่วนที่ด่านยมราช วิ่งเข้าเส้นหลานหลวง เข้าสนามหลวง ผ่านวัดพระแก้ว วิ่งตรงมาทางวัดโพธิ์ รถบังคับเลี้ยวซ้าย แล้วเลี้ยวขวาผ่านหน้ากรมที่ดิน เลี้ยวขวาอีกทีหน้า สน.พระราชวัง วิ่งมามิวเซียมสยามอยู่ซ้ายมือ - ทางรถโดยสาร : สาย 3, 6, 9, 12, 32, 44, 47, 53, 82, 524 - ทางรถไฟฟ้า BTS : ลงสถานี “วงเวียนใหญ่” แล้วนั่งรถประจำทางสาย 82 - ทางรถไฟใต้ดิน MRT : ลงสถานี “สนามไชย” ขึ้นที่ทางออกที่ 1 - ทางเรือ : ลงท่าเรือ “ท่าเตียน” เดินออกมาจนเจอถนนใหญ่แล้วเลี้ยวขวา เดินตรงผ่านหน้าวัดโพธิ์ แล้วจะเห็นมิวเซียมสยามอยู่ทางซ้ายมือ อัตราค่าเข้าชม: - ผู้ใหญ่คนไทยและต่างชาติ 100 บาท - นักเรียน นักศึกษา แสดงบัตรที่หน้าเคาน์เตอร์ รับส่วนลด 50% - เข้าชมเป็นกลุ่ม(จำนวน 4 คนขึ้นไป) รับส่วนลด 50% - ชมฟรี สำหรับเยาวชนไทยและเยาวชนต่างชาติ อายุต่ำกว่า 15 ปี ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป พระภิกษุสงฆ์ นักบวช ผู้พิการและทุพพลภาพ มัคคุเทศน์ (แสดงบัตรประจำตัวที่ออกโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา) - วันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ประกาศโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ เข้าชมฟรี วันและเวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์) เวลา 10.00 - 18.00 น.
พิพิธบางลำพู
พิพิธบางลำพู เป็นศูนย์การเรียนรู้เชิงวัฒนธรรมชุมชน สร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาชุมชนบางลำพูให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวบริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ และเป็นศูนย์การเรียนรู้เชิงการศึกษาวัฒนธรรมชุมชนของชุมชนบางลำพู ตั้งอยู่ใกล้กับป้อมพระสุเมรุ ถนนพระสุเมรุ ปัจจุบันเป็นที่ราชพัสดุ ดูแลโดยกรมธนารักษ์
ภายในอาคารมีการจัดแสดงนิทรรศการตามเนื้อหาประวัติศาสตร์ เป็นอาคารไม้สองชั้น แบ่งเป็นห้องนิทรรศการหมุนเวียนและนิทรรศการถาวร
บริเวณชั้น 1
- นิทรรศการหมุนเวียน จัดแสดงนิทรรศกสนชั่วคราวหรือกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้เกี่ยวกับกรมธนารักษ์ และชุมชนบางลำพูที่น่าสนใจมาต่อยอดหรือเปิดประเด็นใหม่ ตามวาระโอกาสต่างๆ
- ป้อมเขตขัณฑ์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ประกอบด้วนส่วนจัดแสดงโมเดล “ป้อมพระสุเมรุ” ป้อมปกนครา กำแพงแห่งธานี ขุดคลองรอบกรุง ประตูคู่วิถี
บริเวณชั้น 2
นิทรรศการกรมธนารักษ์
ถ่ายทอดบทบาทและหน้าที่ด้านต่างๆ ของกรมธนารักษ์ ซึ่งล้วนสัมพันธ์กับวิถีของผู้คนในสังคมไทย ได้แก่
• การผลิตและบริหารเงินตรา จัดแสดงข้อมูลเชิงสถิติ การใช้เหรียญ และติดตั้งเครื่องใช้หยอดเหรียญแบบต่างๆ รวมถึงแสดงขั้นตอนการผลิตเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนโดยมาสคอตพนักงานโรงกษาปณ์
• การดูแลรักษาและจัดแสดงทรัพย์สินมีค่าของรัฐ
แสดงขั้นตอนวิธีการอนุรักษ์ทรัพย์สินมีค่าและเงินตราไทยโบราณตามหลักวิชาการอนุรักษ์ ที่ต้องใช้ความรู้เชิงช่างศิลปกรรมโบราณผสมผสานกับวิทยาการสมัยใหม่ ก่อนนำเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้ภาคภูมิใจและตระหนักในคุณค่า
• การบริหารที่ราชพัสดุ
นำเครื่องมือการทำงานที่ใช้อยู่ประจำมาจัดแสดง เช่น กล้องระดับ และอุปกรณ์วัดพื้นที่ และยกตัวอย่างพื้นที่เขตอโศกและเขตคลองเตย ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศมาจัดแสดงเป็นโมเดลเพื่อให้ผู้ชมเข้าใจการบริหารงานด้านที่ราชพัสดุได้โดยง่าย
• การประเมินราคาทรัพย์สิน
จัดแสดงแบบจำลองพื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานครที่มีราคาประเมินสูง และบอกเล่าขั้นตอนการประเมินราคาทรัพย์สินผ่านวีดีทัศน์
ถัดจากห้องประเมินราคาทรัพย์สิน พวกเราได้เดินผ่านทางเชื่อมไปยังอาคารเรือนไม้ ซึ่งเป็นส่วนจัดแสดงนิทรรศการชุมชนบางลำพู
นิทรรศการชุมชนบางลำพู
ย่านบางลำพูเป็นพื้นที่ทางประวัติศาสตร์ ด้านการค้า ความบันเทิง และวิถีชีวิต ซึ่งมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเชื้อชาติ ประกอบด้วยย่านการค้าและแหล่งชุมชนเก่าแก่ 7 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนบ้านพานถม ชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ ชุมชนวัดใหม่อมตรส ชุมชนบวรรังสี ชุมชนวัดสังเวชวิศยาราม ชุมชนตรอกเขียนนิวาสน์-ตรอกไก่แจ้ และชุมชนวัดสามพระยา ซึ่งผู้คนที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ยังคงสืบสานมรดกทางวัฒธรรมที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น
ชาวชุมชนบางลำพูได้มอบสิ่งของ เครื่องใช้ต่างๆ อันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ รวมทั้งของสะสมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนมาร่วมจัดแสดง ไว้ในส่วนนี้
เข้าสู่ส่วนของนิทรรศการผ่าน “เบาะแสจากริมคลอง” ชมวีดีทัศน์ เรื่องราวของบางลำพู ความงดงามของภูมิประเทศที่ร่มรื่นด้วยเงาไม้ลำพูยามกลางวันและระยิบระยับด้วยแสงหิ่งห้อยยามราตรีสัญลักษณ์ของ “บางลำพู” การบอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่มีการระดมแรงงานชาวเขมรนับหมื่นคนขุดคลองครั้งมโหฬาร เพื่อขยายพื้นที่เขตพระนครให้กว้างขวางขึ้นตั้งแต่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตรงหน้าวัดสามปลื้ม ซึ่งล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 1 พระราชทานนามว่า “คลองรอบกรุง”
หลังจากชมภาพวีดีทัศน์แล้วก็เดินบนสะพานโค้งเล็กๆ ที่ชื่อว่า “สะพานนรรัตน์สถาน” เข้าสู่ห้องจัดแสดงในส่วนต่างๆ
• พระนครเซ็นเตอร์
จำลองสถานที่ความมันเทิงต่างๆ ทั้งดนตรีไทย ละครร้องแม่บุญนาค โรงลิเกหอมหวล โรงหนังบุศยพรรณ ที่มีการประชันกันอย่างคึกคักสนุกสนานและค่อย ๆ พัฒนาไปตามยุคสมัย
พระนครเซ็นเตอร์ เป็นศูนย์รวมมหรสพแหล่งใหญ่ใจกลางพระนคร ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 7 มีการบ่งกลุ่มย่านการค้าไว้อย่างชัดเจน โดยเยาวราชถือเป็นย่านการค้าของชาวจีน พาหุรัดเป็นแหล่งค้าขายของแขกอินเดีย ส่วนบางลำพูนั้นจัดให้เป็นย่านค้าขายของคนไทย
• ย่ำตรอกบอกเรื่องเก่า
นิทรรศการส่วนนี้ จัดแสดงเรื่องราว และเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ รวมทั้งของสะสมซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนย่านบางลำพู อาทิเช่น
– ศิลปะแทงหยวกกล้วย ซึ่งเป็นงานช่างสิบหมู่ ที่แทบจะเลือนหายไปจากสังคมไทย
– เบื้องหลังผืนผ้าวิจิตร …การปักผ้ามิใช่เป็นเพียงแต่อาชีพเท่านั้น หากยังเป็นศิลปะที่ศิลปินบรรจงสร้างสรรค์ด้วยความตั้งใจ
– สีทองสุกปลั่งดั่งสีทองคำเปลว …ชุมชนช่างทองวัดบวรรังสี ได้รับการถ่ายทอดความรู้จากช่างฝีมือในวัง การตีทองคำเปลวต้องใช้ทั้งพลัง สมาธิ และความชำนาญขั้นสูง
– ดุริยประณีต บรรเลงสังคีตศิลป์ไทย …บ้านดนตรีไทยดุริยประณีตแห่งชุมชนวัดสังเวชวิศยารามที่ยังคงสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมด้านดนตรีไทย อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
– ช่างทองแห่งชุมชนมัสยิดจักรพงษ์ …แหล่งกำเนิดช่างทองผู้สร้างสรรค์เครื่องถนิมพิมพาภรณ์ ด้วยฝีมือ ที่ประณีตวิจิตร ศิลปะการทำทองได้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น แต่ด้วยการเข้ามาของวิทยาการสมัยใหม่ทำให้อาชีพช่างทองลดลงเหลือไว้เพียงตำนาน
– ชุมชนบวรรังสี ที่ถนนตะนาว ถิ่นนี้มีธงโบกไสว ทั้งธงชาติและธงสัญลักษณ์ผลัดเปลี่ยน ตามเทศกาล
• ถอดรหัสลับ ขุมทรัพย์บางลำพู
ในส่วนนี้ จัดแสดงชิ้นส่วนต้นลำพูต้นสุดท้ายที่ยืนต้นตายเมื่อครั้งเกิดมหาอุทกภัยในปี พ.ศ. 2554
• มิ่งขวัญบางลำพู
ส่วนนี้จะอยู่ห้องสุดท้าย เป็นห้องที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ซึ่งชาวชุมชนบางลำพูได้รับพระกรุณาธิคุณจากสมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ที่ทรงประทานพระพุทธรูปคันธารราษฎร์ บรรจุพระบรมสารีริกธาตุภายในองค์พระตรงพระอุระเบื้องซ้าย และประทานนามให้ว่า “พระพุทธบางลำพู-ประชานาถ” มีความหมายว่าที่พึ่งของชาวบางลำพู เพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ชาวชุมชนบางลำพูสืบไป
ผ่านไปอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น “วิถีก่อนเก่าชาวบางลำพู” ที่ไม่เคยรู้มาก่อน นับว่าเป็นวิถีชุมชน และภูมิปัญญาที่ควรค่าแก่คนรุ่นหลังได้สืบสานต่อไป
พิพิธบางลำพู ที่ตั้ง: ถนนพระสุเมรุ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทร. 0 2281 9820, 0 2281 98208 https://www.facebook.com/pipitbanglamphu เวลาเปิดปิด: เวลา 8.00 -18.00 น. เปิดให้เข้าชมทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ประกาศปิด) อัตราค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไปชาวไทย และชาวต่างชาติ 30 บาท เด็กหรือเยาวชนชาวไทย อายุระหว่าง 10 -18 ปี 10 บาท เข้าชมฟรี : - เด็กหรือเยาวชนชาวไทย อายุต่ำกว่า 10 ปี - ผู้สูงอายุชาวไทยอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป - นักบวชทุกศาสนา - ผู้พิการทุกประเภท - บุคคลหรือหมู่คณะที่ขออนุญาตเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ
พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์
พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ พิพิธภัณฑ์เฉพาะทางเกี่ยวกับเงินตราที่จัดสร้างเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และสังคมของประเทศ ผ่านวิวัฒนาการของเงินตราไทยในแต่ละช่วงเวลา ภายในจัดแสดงเงินตราโบราณ เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก เหรียญที่ระลึก และเหรียญนานาชาติ รวมทั้งเผยแพร่ภารกิจของกรมธนารักษ์ด้านการผลิตเหรียญกษาปณ์ การอนุรักษ์เงินตราโบราณ ภายใต้แนวคิด “วิถีแห่งเงินตรา สินล้ำค่าของแผ่นดิน”
นิทรรศการถาวร ชั้น 1
ส่วนนี้ ทุกคนจะได้ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของเงินตรา ก่อนการกำเนิดของเหรียญ โดยเริ่มต้นจากภาพรวมทั่วโลก ก่อนจะขยับแคบลงเพื่อเข้าไปตามหาที่มาของเงินตรา จากแต่ละพื้นที่ แต่ละทวีป และเข้าไปเจาะลึกที่เงินตราของประเทศไทย
นิทรรศการชั้นนี้ประกอบด้วย ห้องปฐมแห่งเงินตรา, ห้องเส้นทางวิวัฒนาการเงินตรา, ห้องนิทรรศการหมุนเวียนจัดแสดงเรื่อง เงินตรารัตนโกสินทร์ และห้องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระผู้ปฎิรูปเหรียญกษาปณ์ไทย…
(ในส่วนนิทรรศการที่ชั้น 1 เราไม่ได้เข้าชม จึงไม่มีภาพประกอบ)
นิทรรศการถาวร ชั้น 2
นิทรรศการที่จัดแสดงในชั้น 2 นี้ มีเจ้าหน้าที่นำชมพร้อมให้ข้อมูลความรู้ ตลอดการนำชม …ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
• ห้องนานาอาณาจักรเหรียญ
จัดแสดงเหรียญโบราณที่มีการใช้ในชุมชนแรกเริ่มที่ปรากฏในพื้นที่ประเทศไทย หรือดินแดนสุวรรณภูมิ มีเหรียญอาณาจักรฟูนัน ทวาราวดี ลพบุรี และศรีวิชัย …ช่วงระยะเวลา สมัยฟูนัน – สมัยศรีวิชัย
• ห้องเริ่มต้นอาณาจักรไทย
จัดแสดงเรื่องราวที่เริ่มเข้าสู่ยุคสมัยเงินตราไทยที่เรียกว่า “พดด้วง” โดยเล่าเรื่องราวของพดด้วงในแต่ละสมัย ผ่านการจำลองบรรยากาศตลาดการค้าโบราณ ขั้นตอนการผลิตเงินพดด้วงในสมัยรัตนโกสินทร์…ช่วงระยะเวลา สมัยสุโขทัย – สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น
• ห้องวิวัฒนาการพดด้วง
จัดแสดงเงินพดด้วง ตราสัญลักษณ์บนเงินพดด้วงในสมัยสุโขทัยจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รวมถึงเงินตราร่วมสมัยอาณาจักรล้านนา ล้านช้าง และเงินตราทงภาคใต้
• ห้องกษาปณ์รัตนโกสินทร์
จัดแสดงเกี่ยวกับการเปลี่ยนรูปแบบเงินตรา จากการใช้เงินพดด้วงเป็นเหรียญกลมแบน การใช้เงินตราในระบบทศนิยม และได้เรียนรู้ เกี่ยวกับเหรียญที่ระลึกในโอกาสสำคัญต่าง ๆ …ช่วงระยะเวลา ในรัชกาลที่ 4 – รัชกาลที่ 9
• ห้องเหรียญกับสังคมไทย
จัดแสดงเรื่องราวของเหรียญในมุมมองที่นอกเหนือจากการเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนในกิจกรรมด้านศาสนา วัฒนธรรม ความเชื่อ และประเพณี เช่น พระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ งานบวช งานแต่งงาน การโยนเหรียญเสี่ยงทาย การนำเหรียญใส่กระทง เป็นต้น
• ห้องเหรียญนานาชาติ
จัดแสดงเหรียญกษาปณ์จากต่างประเทศ ทั่วโลก บอกเล่าเรื่องราวของเหรียญผ่านสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ และเหตุการณ์สำคัญ รวมไปถึงเหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกที่มีรูปทรง สีสัน และเทคนิคในการผลิตที่หลากหลาย น่าสนใจ
• ห้องกว่าจะมาเป็นเหรียญ
นำเสนอขึ้นตอนการผลิตเหรียญ ตั้งแต่การออกแบบจนถึงกระบวนการผลิตเหรียญ โดยฉายวีดีทัศน์ลงบนโต๊ะทำงาน และจำลองขั้นตอนการผลิตเหรียญในโรงกษาปณ์
• ห้องรู้รอบเหรียญ
นำเสนอเกร็ดความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับเหรียญ วิธีการเก็บรักษาและทำความสะอาดเหรียญ
• ห้องร้อยเรียงเรื่องเงินตราไทย
จำลอง “สื่อกลาง” ในการแลกเปลี่ยนตั้งแต่ยุคแรกเริ่มที่ผู้คนรู้จักการแลกเปลี่ยนสิ่งของกับสิ่งของ เรื่อยมาจนถึงการนำวัสดุธรรมชาติและโลหะมาใช้เป็นสื่อกลาง ก่อนพัฒนามาเป็นการใช้เหรียญและสื่อกลางในรูปแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น บัตรเครดิต บัตรเดบิต ระบบ E-Banking
ก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมย่านถนนข้าวสารยามราตรี มีน้องๆ จาก “ไกด์เด็กบางลำพู” มารอเพื่อนำชม และให้ข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชุมชนที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว …ตามน้องไปค่ะ
พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ ที่ตั้ง: ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 โทรศัพท์ 0-2282-0818 , 0-2281-0345 ถึง 51 ต่อ 1222 http://emuseum.treasury.go.th/ Facebook : https://www.facebook.com/coinmuseumthailand/ การเดินทาง: รถโดยสารประจำทาง: สาย 3 , 6 , 9 , 15 , 32 , 33 , 524 , 56 , 65 รถยนต์ส่วนตัว: ผู้เข้าชมสามารถใช้บริการที่จอดรถพิพิธภัณฑ์เหรียญฯได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย อัตราค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่และชาวต่างชาติ ราคา 50 บาท เด็กไทย (เด็กอายุ 10-18 ปี) ราคา 20 บาท ยกเว้น - เด็กอายุต่ำกว่า 10 ปี (สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร) - ผู้สูงอายุ สัญชาติไทย อายุ 60 ปี บริบูรณ์ - พระภิกษุ สามเณร แม่ชี นักบวช - ผู้พิการ วันเวลาทำการ วันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 08.30 - 16.30 น. เข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 15.00 น. วันเสาร์ - วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00 - 18.00 น. เข้าชมรอบสุดท้าย เวลา 16.00 น. ***ปิดให้บริการทุกวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์
ถนนข้าวสาร
เมื่อเอ่ยชื่อถนนข้าวสาร น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก ด้วยเพราะถนนแห่งนี้เป็นถนนที่ได้รับความนิยมอย่างมากในวันสงกรานต์ ภาพติดตาที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติจากทั่วทุกมุมโลก เล่นน้ำสงกรานต์อย่างสนุกสนาน
ประวัติความเป็นมา
ถนนข้าวสาร สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2435 เดิมเรียกว่าตรอกข้าวสาร เพราะมีการค้าขายข้าวสารมากมาย เป็นแหล่งค้าขายข้าวสารที่ใหญ่ที่สุดในเขตพระนคร
ต่อมามีการขยับขยายค้าขายมากขึ้น มีชุมชนเกิดขึ้น และร้านค้ามากมาย จึงได้เปลี่ยนเป็นถนนข้าวสาร
ความเป็นอยู่ของชุมชนเปลี่ยนไปเมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้เข้ามาเช่าห้องพักอาศัยเพื่อเที่ยวชมเมืองหลวงของไทยในช่วงเทศกาลสำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2525 ปีแห่งการเฉลิมฉลองกรุงเทพมหานครครบรอบ 200 ปี
ในเวลาต่อมา เริ่มมีผู้คนเข้ามาเรื่อยๆ จนกลายเป็นศูนย์รวมของพวกแบ็คแพ็กเกอร์ที่มาท่องเที่ยวประเทศไทย จนเป็นที่โด่งดังในที่สุด ก่อนที่จะมาปรับเปลี่ยนรูปแบบอีกทีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นย่านบันเทิงยามราตรีที่สำคัญของกรุงเทพฯ
ถนนข้าวสารเป็นย่านการค้าทั้งกลางวัน และกลางคืน มีสินค้ามากมาย วางขายตลอดสองข้างทาง สิ่งของเครื่องใช้ เสื้อผ้า สารพัด ร้านขายอาหารไทย ร้านอาหารนานาชาติ และอื่นๆ อีกมากมาย สาธยายได้ไม่ครบ
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว สถานศึกษา ย่านการค้า แหล่งบันเทิง อยู่ร่วมกันได้ แม้จะต่างเชื้อชาติ ศาสนา …Unseen Khao San ?
แม้ในวันนี้ที่ถนนข้าวสารจะไม่แออัดไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่กลิ่นอายยามราตรีของถนนข้าวสารแห่งนี้ ยังคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใครให้เห็นให้จดจำ …ประทับใจ!
ถนนข้าวสาร ที่ตั้ง: แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร * มีระยะทางเริ่มตั้งแต่ถนนจักรพงษ์หน้าวัดชนะสงคราม ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ จนถึงถนนตะนาวใกล้สี่แยกคอกวัว
ร้านข้าวต้มบวร
ปิดท้ายโครงการสื่อสัญจรในวันนี้ ด้วยอาหารมื้่อค่ำที่ร้านข้าวต้มบวร ร้านข้าวต้มเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อแห่งหน้าวัดบวร (ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด) เป็นอาคารตึกแถว 1 คูหา สามารถนั่งได้ทั้งด้านในที่เป็นห้องแอร์ และด้านนอกที่รับลมธรรมชาติ (ไม่ติดแอร์) …แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำ แต่ก็มีลูกค้าเข้ามาอุดหนุนมากมาย นั่นหมายความว่า อร่อย
อาหารที่พวกเราสั่ง มีทั้งเมนูไทย เมนูจีน แต่ก็อร่อยทุกอย่าง รสชาติเข้มข้น กลมกล่อม ค่อนไปทางเค็มเล็กน้อย แต่เมื่อกินกับข้าวต้มแล้วลงตัวกำลังดี…ร้านนี้ให้ 4 คะแนน (เต็ม 5)
ตบท้ายด้วยไอศกรีมโฮมเมด รสทุเรียน หอมอร่อย อัดแน่นไปด้วยเนื้อทุเรียน หวานกำลังดี เหมือนกินทุเรียนสุกเลยทีเดียว
ข้าวต้มบวร ที่ตั้ง : 243 ถนน พระสุเมรุ แขวง วัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์: 02 629 1739 เวลาเปิดปิด: 17.00 - 03.00 น. เปิดทุกวัน
เล่าเรื่องเที่ยววันนี้ที่บอกเลยว่า วิถีชีวิต วัฒนธรรม รอบเกาะรัตนโกสินทร์ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์ กลมกลืนผสมผสานกับความทันสมัยแห่งย่านบางลำพู ที่อยากให้ทุกท่านลองไปสัมผัสกันสักครั้ง ไปเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ผ่านพิพิธภัณฑ์ ไปดูสีสันย่านการค้า สถานบันเทิง ที่รับรองว่า เอกลักษณ์เฉพาะของย่านบางลำพู หาดูที่อื่นไม่ได้ …ไม่เถอะคะ ไม่ผิดหวัง แน่นอน!!
ขอขอบคุณ: ททท.สำนักงานกรุงเทพมหานคร