การเลือกเวลาออกกำลังกายที่ดีที่สุด ไม่ได้มีคำตอบที่ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับ เป้าหมายด้านสุขภาพ และ ไลฟ์สไตล์ ของแต่ละบุคคล การออกกำลังกายทั้งตอนเช้าและตอนเย็นต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ดังนี้
ออกกำลังกายตอนเช้า (Morning Workout)
ข้อดี:
- สร้างวินัยและความสม่ำเสมอ: การออกกำลังกายตอนเช้ามีแนวโน้มที่จะถูกรบกวนจากภารกิจอื่น ๆ ในวันน้อยกว่า ทำให้คุณสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอและกลายเป็นกิจวัตรได้ง่ายขึ้น
- กระตุ้นการเผาผลาญไขมัน: หากออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอก่อนอาหารเช้า (ท้องว่าง) ร่างกายจะดึงไขมันสะสมมาใช้เป็นพลังงานได้มากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- เพิ่มพลังงานและความสดชื่น: การเคลื่อนไหวร่างกายในตอนเช้าช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและหลั่งสารเอนดอร์ฟิน ทำให้สมองปลอดโปร่ง และมีพลังงานที่ดีไปตลอดทั้งวัน
- ปรับนาฬิกาชีวิต: การได้รับแสงแดดยามเช้าช่วยปรับ “นาฬิกาชีวภาพ” ของร่างกายให้เข้าที่ ทำให้คุณรู้สึกตื่นตัวในตอนเช้าและง่วงในเวลากลางคืน ซึ่งส่งผลให้คุณภาพการนอนหลับดีขึ้น
ข้อเสีย:
- เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ: อุณหภูมิร่างกายและความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อจะต่ำกว่าช่วงอื่นของวัน ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการ วอร์มอัพ ให้นานและระมัดระวังเป็นพิเศษ
- ประสิทธิภาพอาจไม่สูงสุด: พลังงานและความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออาจยังไม่สูงเท่าช่วงเย็น ทำให้การยกน้ำหนักหรือฝึกความเข้มข้นสูงอาจทำได้ไม่เต็มที่
- ต้องตื่นเช้ามาก: สำหรับคนที่ไม่ใช่คนตื่นเช้า การต้องตื่นเร็วขึ้นอาจทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอในระยะยาว
ออกกำลังกายตอนเย็น (Evening Workout)
ข้อดี:
- ประสิทธิภาพสูงสุดของร่างกาย: ช่วงบ่ายถึงเย็น (ประมาณ 15.00 – 21.00 น.) เป็นช่วงที่อุณหภูมิร่างกายสูงที่สุด กล้ามเนื้อจึงมีความยืดหยุ่นและพร้อมใช้งานมากกว่า ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ และสามารถออกแรงได้เต็มที่กว่า เหมาะสำหรับการฝึก เวทเทรนนิ่ง หรือการฝึกที่ใช้ความแข็งแรงสูง
- คลายเครียด: การออกกำลังกายหลังเลิกงานช่วย ปลดปล่อยความตึงเครียด และความเหนื่อยล้าที่สะสมมาตลอดทั้งวัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
- ป้องกันการสะสมไขมัน: การออกกำลังกายตอนเย็นจะช่วยเผาผลาญพลังงานจากอาหารมื้อเย็น ทำให้สารอาหารถูกใช้ไปจนเหลือน้อยที่สุด ลดการสะสมของไขมันในร่างกาย
ข้อเสีย:
- มีโอกาสถูกรบกวนสูง: อาจมีกิจกรรมอื่น ๆ เข้ามาแทรก เช่น งานล่วงเวลา หรือนัดหมายทางสังคม ทำให้มีโอกาส ขาดความสม่ำเสมอ ได้ง่าย
- อาจรบกวนการนอนหลับ: หากออกกำลังกายด้วยความเข้มข้นสูง หรือออกกำลังกาย ใกล้เวลานอนมากเกินไป (ควรเว้นระยะอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง) ฮอร์โมนที่ทำให้ร่างกายตื่นตัวอาจรบกวนการนอนหลับได้
สรุป: ควรออกกำลังกายตอนไหนดีที่สุด?
คำตอบที่สำคัญที่สุดคือ: เวลาที่คุณสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอที่สุด
อย่างไรก็ตาม หากคุณมีเป้าหมายที่ชัดเจน สามารถพิจารณาได้ดังนี้:
เป้าหมาย | เวลาที่แนะนำ | เหตุผล |
ลดน้ำหนัก/ลดไขมัน | ตอนเช้า (ก่อนอาหารเช้า) | ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานได้ดีกว่า และช่วยกระตุ้นการเผาผลาญตลอดวัน |
สร้างกล้ามเนื้อ/เพิ่มความแข็งแรง | ตอนเย็น (ช่วงบ่ายแก่ๆ) | กล้ามเนื้อมีความพร้อมและยืดหยุ่นสูง ลดความเสี่ยงบาดเจ็บ สามารถออกแรงได้เต็มที่ |
สร้างวินัย/จัดการเวลา | ตอนเช้า | มีสิ่งรบกวนน้อย ทำให้ง่ายต่อการทำให้เป็นกิจวัตร |
คลายเครียด/ผ่อนคลาย | ตอนเย็น (หลังเลิกงาน) | ช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดของวันทำงาน |
คำแนะนำเพิ่มเติม: ไม่ว่าจะเลือกเวลาใด ความสม่ำเสมอ เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด หากคุณไม่สามารถออกกำลังกายตามช่วงเวลา “ที่ดีที่สุด” ได้ ก็ขอให้ออกกำลังกายในช่วงเวลาที่คุณสะดวกที่สุด เพราะการออกกำลังกายย่อมดีกว่าการไม่ออกกำลังกายเลย!