รองนายกฯ มอบรางวัล “MSME National Awards ครั้งที่ 17” ยกย่องสุดยอดผู้ประกอบการไทย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่สากล

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นประธานมอบรางวัลสุดยอดผู้ประกอบการ SMEs ไทย ภายใต้การขับเคลื่อนโดย สสว. ผนึกกำลัง มธ. ดำเนินงานโครงการ MSME National Awards ปีงบประมาณ 2568 เพื่อให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศได้มีโอกาสเข้าร่วมโครงการ โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมกว่า 200 กิจการ พร้อมสมัครเข้าร่วมประกวด 2 ประเภทรางวัล ประเภทแรกคือ รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ซึ่งจะมอบให้กับสุดยอดผู้ประกอบการระดับชาติ จำนวน 40 ราย และรางวัลพิเศษอีก 6 สาขาเด่น รวมถึงรางวัลเชิดชูเกียรติ สำหรับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน และ 5 ปีซ้อน

นายประเสริฐ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยในโอกาสเป็นประธานเปิดงาน “MSME National Awards ครั้งที่ 17” รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนา SME ซึ่งเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ดำเนินนโยบายในการเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการพัฒนาองค์ความรู้ การสร้างเครือข่ายธุรกิจ และการเปิดโอกาสสู่ตลาดโลก ในปี 2568 นี้ รัฐบาลยังมุ่งผลักดัน Soft Power ของไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างรายได้และขยายโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ โดยสนับสนุนให้ SME ไทยใช้ทุนทางวัฒนธรรม อาหาร ดนตรี ศิลปะ แฟชั่น และการท่องเที่ยว มาต่อยอดธุรกิจ เพื่อสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าและบริการไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

“ผมต้องขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน ถือว่าท่านเป็นต้นแบบ และตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ประกอบการท่านอื่น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไม่หยุดพัฒนา เพื่อสู้กับการแข่งขันที่มาจากคู่แข่งนอกประเทศ วันนี้การขยายตลาดผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยจะเติบโต รัฐบาลพร้อมสนับสนุนเต็มที่ ทั้งผ่านกลไก สสว. หน่วยร่วมขับเคลื่อนต่าง ๆ หรือแม้แต่กระทรวงพาณิชย์ก็ให้การสนับสนุนเรื่อง SME อย่างเต็มที่ จึงขอให้กำลังใจผู้ประกอบการทุกรายในการแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ไปด้วยกัน” นายประเสริฐ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานฯ กล่าวว่า การจัดงานในปี 2568 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างต้นแบบผู้ประกอบการ MSME รวมถึงการสร้างแรงบันดาลใจและกระตุ้นให้ผู้ประกอบการ MSME ตื่นตัวและตระหนักถึงความสำคัญในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจให้มีความเติบโตและเข้มแข็ง สามารถแข่งขันได้ทั้งระดับประเทศและระดับสากล รวมถึงยังเป็นการตรวจสุขภาพทางธุรกิจ (Business Checkup) ให้กับผู้ประกอบการ MSME ที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีผู้ประกอบการทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการกว่า 200 กิจการ ผ่านช่องทางออนไลน์และการจัดกิจกรรม Roadshow 5 ครั้ง ในพื้นที่ กทม. และต่างจังหวัดภาค ซึ่ง สสว. และ ธรรมศาสตร์ ได้จัดกิจกรรมการคัดกรองเชิงลึกอย่างเข้มข้น จนสามารถเฟ้นหาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูง จำนวน 40 ราย เพื่อรับรางวัลใน 2 ประเภทรางวัล

ประเภทแรกคือ รางวัลสุดยอด SME แห่งชาติ ครั้งที่ 17 จะมอบให้กับสุดยอดผู้ประกอบการระดับชาติ จำนวน 40 ราย ซึ่งในปีนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลสุดยอด SME แห่งชาติยอดเยี่ยม (The Best of The Best MSME Thailand Award) ได้แก่ บริษัท วีอาร์พี ฟู้ด แอนด์ เบเกอรี่ จำกัด ภาคการผลิต กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม

และรางวัล The Best MSME Regional Awards (ระดับภาคธุรกิจ) จำนวน 3 รางวัล ได้แก่

  1. บริษัท เออเบิ้นเวย์ จำกัด ภาคการบริการ กลุ่มธุรกิจบริการร้านสะดวกซัก
  2. บริษัท ฟาร์มหมอต้น จำกัด ภาคกการเกษตร กลุ่มธุรกิจการเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ และ
  3. บริษัท อุดรกระจกรถยนต์ จำกัด ภาคการค้าส่ง หรือค้าปลีก

ในปีนี้มีความพิเศษตรงที่หัวใจของการประกวดมุ่งเน้นในเรื่องของ “Sustainability – Digital – Global” โดยแบ่งรางวัลพิศษ ดังนี้

  • SME Sustainability & ESG Excellence ได้แก่ บริษัท ฟาร์มหมอต้น จำกัด กลุ่มธุรกิจการเกษตร และเทคโนโลยีชีวภาพ
  • SME Digital Transformation ได้แก่ บริษัท เออเบิ้นเวย์ จำกัด กลุ่มธุรกิจบริการร้านสะดวกซัก
  • SME Global Frontier ได้แก่ บริษัท เคลลี่ แอนด์ คอมพาเนี่ยน จำกัด กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
  • SME Soft Power & Beyond ได้แก่ บริษัท วันเวนเชอร์ จำกัด กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และ บริษัท วนัชเฟิร์ส จำกัด กลุ่มธุรกิจสิ่งทอ และแฟชั่น
  • SME Women Entrepreneur Excellence ได้แก่ บริษัท สยามเฟรช เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด กลุ่มธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น การอบรมมาตรฐานการบริหารจัดการธุรกิจ การแลกเปลี่ยน Good Practices จากรุ่นพี่ที่ได้รับรางวัลปีก่อนๆ การตรวจสุขภาพทางธุรกิจ การศึกษาดูงานในสถานประกอบการที่มีมาตรฐานและประสบความสำเร็จในระดับสูง การสร้าง Networking กับเพื่อน MSME ผ่านกิจกรรม executive course และสุดท้ายคือ การได้ชิงถ้วยรางวัลและลุ้นสิทธิในการไปดูงานที่ต่างประเทศอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม จากการดำเนินโครงการผ่านกิจการต่าง ๆ ผู้ประกอบการสามารถยกระดับและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจมากกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินงานในโครงการนี้ จะเป็นต้นแบบให้แก่ผู้ประกอบการในประเทศอื่น สสว. ย้ำว่า โครงการ “SME National Awards” จะเป็นพลังสำคัญในการเสริมสร้างศักยภาพ SME ไทยให้เข้มแข็ง พร้อมแข่งขันได้ในระดับสากล และร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนต่อไป