คิดจะพัก– เมื่อพูดถึงโรคหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตถึง 1 ใน 4 ของคนในยุคนี้ คนส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับโรคหลอดเลือดแดงอุดตันซึ่งทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคอัมพาตอัมพฤกษ์มากกว่า โรคหลอดเลือดดำอุดตัน หรือ VTE – Venous thromboembolism ซึ่งเป็นโรคที่ป้องกันได้แต่ยังคงเป็นสาเหตุของการตายเฉียบพลันอันดับ 1 ทั่วโลก
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ พลภัทร โรจน์นครินทร์ สาขาโลหิตวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ชี้แจงว่า “โรคหลอดเลือดดำอุดตันประกอบด้วยโรคหลอดเลือดดำที่ขาอุดตัน (DVT – Deep Vein Thrombosis) และโรคหลอดเลือดที่ปอดอุดตัน (PE – Pulmonary Embolism) โดย ลิ่มเลือดที่ขา (DVT) อาจหลุดไปอุดตันที่ปอด (PE) ทำให้เสียชีวิตได้ จึงต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ในช่วงที่ผ่านมา เราได้เห็นจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดดำอุดตันเข้ามารับการรักษาเพิ่มมากขึ้น โดยกลุ่มผู้ป่วยมีทั้งชาย หญิงและเด็ก ทำให้สมาคมโลหิตวิทยาแห่งประเทศไทย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ จัดกิจกรรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน ภาวะของโรคในเด็กและการป้องกัน”
ทั้งนี้ ความเห็นของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์พลภัทร สอดคล้องกับการค้นพบขององค์การอนามัยโลก โดย นายแพทย์สุมีธ ชู ของ Cedars-Sinai Heart Institute ที่ระบุว่าจำนวนผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดดำอุดตำในชายในปี 1990 เพิ่มขึ้นจาก 61 ต่อประชากร 100,000 คนในปี 1990 เป็น 78 ต่อ 100,000 คนในปี 2010 สำหรับหญิงสถิติอยู่ที่ 43 ต่อประชากร 100,000 คนในปี 1990 เป็น 60 ต่อ 100,000 คนในปี 2010
การศึกษากลุ่มเสี่ยงเป็นโรคพบว่า ร้อยละ 45-60 ของสาเหตุของโรคนี้เกี่ยวข้องกับ การฟื้นตัวหลังการผ่าตัด ซึ่งชี้ให้เห็นข้อมูลที่น่ากังวลว่า สาเหตุของการเสียชีวิตจากการพักฟื้นหลังผ่าตัดประกอบด้วย การติดเชื้อที่ปอด การติดเชื้อจากสายสวนหลอดเลือดและสาเหตุอันไม่พึงประสงค์จากยา ทั้งนี้การผ่าตัดบางประเภทเช่น การผ่าตัดข้อเข่าหรือสะโพกส่งผลให้ไขมันหรือโปรตีนปะปนกับกระแสเลือดและเกิดการอุดตันได้ อย่างไรก็ตาม โรคหลอดเลือดดำอุดตันซึ่งเป็นสาเหตุหรือปัจจัยของการเสียชีวิตหลังการฟื้นตัวหลังผ่าตัดนั้น สามารถป้องกันได้
นอกจากนี้ ผู้ป่วยมะเร็งยังมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันจากการที่ก้อนมะเร็งโตกดเบียดหลอดเลือดดำ และ เนื้อร้ายสามารถสร้างสารเคมีที่ทำให้เลือดเกิดการแข็งตัวง่ายจนนำไปสู่หลอดเลือดอุดตันอีกด้วย
ผู้หญิงมีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตันมากกว่าผู้ชายด้วยหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็น ฮอร์โมนเพศหญิง (เอสโตรเจน) ที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ การได้รับฮอร์โมนเพศหญิงจากยาคุมกำเนิด การรับฮอร์โมนทดแทนหลังหมดประจำเดือน เพราะฮอร์โมนเหล่านี้ทำให้เลือดแข็งตัวง่าย
นอกจากนี้ ยังมีคนในกลุ่มเสี่ยงอื่นๆ เช่น ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) คนที่ต้องนั่งหรือนอนทั้งวันโดยไม่ได้ลุกเดิน มีประวัติผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดดำอุดตำในครอบครัว ผู้ป่วยมะเร็งที่ต้องรับเคมีบำบัด ผู้ที่เป็นโรคอ้วน การตั้งครรภ์และการคลอดบุตร การสูบบุหรี่และดื่มสุรา
สำหรับการสังเกตอาการ ศาสตราจารย์ นายแพทย์พลภัทรกล่าวว่า สำหรับอาการลิ่มเลือดอุดตันบริเวณขา ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดน่องหรือต้นขา มีอาการขา ข้อเท้าและเท้าบวมร้อนอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอาการลิ่มเลือด อุดตันที่ปอดคือ ผู้ป่วยจะเหนื่อย หายใจ เร็ว เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นเร็ว มีอาการหน้ามืดเป็นลม
ถึงแม้ว่า โรคหลอดเลือดดำอุดตันสามารถทำให้เสียชีวิตได้ แต่ข่าวดีคือ หลายสาเหตุของการป่วยสามารถป้องกันได้ด้วยการขยับตัวเคลื่อนไหว ลุกเดิน อย่านั่งติดต่อกันเป็นเวลานาน เมื่อท่านต้องผ่าตัดหรือนอนโรงพยาบาล ควรปรึกษาแพทย์ว่า ท่านมีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดอุดตันหรือไม่ และ ควรได้รับการป้องกันและรักษาอย่างไร
“นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์ที่ช่วยอื่นๆ เช่น การสวมถุงน่องเพื่อป้องกันหลอดเลือดดำอุดตัน การใช้เครื่องปั๊มลมเพื่อให้เลือดไหลเวียน การใช้ยา ซึ่งวิธีการเหล่านี้อาจก่อให้เกิดความไม่สะดวกสบาย ส่วนการใช้ยาควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์” ศาสตราจารย์ นายแพทย์พลภัทรกล่าว