คิดจะพัก-สถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ เผยคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจเฉลี่ยชั่วโมงละ 2 คน แนะวิธีการดูแลหัวใจให้แข็งแรง และหากมีอาการบ่งชี้ จุกแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ และปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กรามนานกว่า 3 – 5 นาที อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สมาพันธ์หัวใจโลก กำหนดให้ วันที่ 29 กันยายนของทุกปี เป็นวันหัวใจโลก โดยมีประเด็นในการรณรงค์สำหรับปีนี้ คือ “สัญญาใจเพื่อหัวใจเรา (MY HEART, YOUR HEART)” เนื่องจากกลุ่มโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยและของโลก จากข้อมูลสถิติขององค์การอนามัยโลกในปี 2553 พบว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นจำนวนถึง 7.2 ล้านคน ทั้งนี้ในระหว่างปี 2548-2552 อัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง ในประเทศไทยพบประมาณปีละ 37,000 ราย คนไทยป่วยเป็นโรคหัวใจต้องนอนโรงพยาบาล วันละ 1,185 ราย โดยเป็นโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันประมาณ 450 รายต่อวัน เสียชีวิตชั่วโมงละ 2 คน ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันในประเทศไทยจะมีอัตราตายสูงกว่าในต่างประเทศประมาณ 4 – 6 เท่า สะท้อนให้เห็นว่าโรคหัวใจขาดเลือดเป็นโรคที่รุนแรงและต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน และเนื่องในวันหัวใจโลก จึงถือเป็นโอกาสที่ดีในการทำสัญญาด้วยการหันมาดูแลตัวเองใส่ใจสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง เพื่อหัวใจของเรา และมอบกำลังใจแก่คนรอบข้างในทุกกลุ่มอายุ
แพทย์หญิงวิพรรณ สังคหะพงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการที่บ่งชี้ว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ คือ มักเหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเวลาทำงาน จุกแน่นหน้าอก จะมีอาการจุกบริเวณยอดอกตรงกลางมักเป็นในขณะออกกำลังกาย หลังจากหยุดออกกำลังกายอาการจะดีขึ้น มีอาการเจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมากดทับ และอาการเจ็บนี้จะปวดร้าวไปที่หัวไหล่ซ้ายหรือไปที่กราม ถ้าอาการเจ็บหน้าอกนี้เป็นนานเกินกว่า 3 – 5 นาที พักแล้วไม่ทุเลาหรืออาการเจ็บรุนแรงขึ้นเรื่อยๆต้องรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องอย่างรวดเร็ว การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจสามารถรักษาด้วยการให้ยาละลายลิ่มเลือด การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนพร้อมใส่ขดลวดค้ำยัน และการผ่าตัดเปลี่ยนทางเดิน หลอดเลือดหัวใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอาการของผู้ป่วยและการวินิจฉัยของอายุรแพทย์หัวใจ สำหรับแนวทางการดูแลหัวใจของเราให้แข็งแรงควรปฏิบัติดังนี้ 1. ดูแลตนเองไม่ให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง 2. ควบคุมน้ำตาลในเลือด 3. ควบคุมความดันโลหิต 4.ควบคุมไขมันในเลือด 5. งดสูบบุหรี่ 6.พักผ่อนให้เพียงพอ 7. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน 8. เลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผัก และผลไม้ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ