คิดจะพัก-วันนี้ได้มีโอกาสคุยกับ อ.ปูเน่ อนัญญาลัลน์ วัฒนะนุพงศ์ อาจารย์สอนแฟชั่นฯ นักบิด แบรนด์แอมบาสเดอร์ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวนักบิดที่หน้าตาดี บุคลิกดีการศึกษาไม่ธรรมดามีดีกรีเป็นถึง อดีตรองนางสาวไทยหรือรองมิสไทยแลนด์ยูนิเวอร์สในปี2544 และผลงานทั้งละคร ถ่ายแบบ ถ่ายโฆษณา พิธีกร และอีกมายเป็นต้น
มารู้จักตัวตนของอ.ปูเน่ อนัญญาลัลน์ วัฒนะนุพงศ์
หลายคนจะคงต้องนึกถึงผู้หญิงคนนี้ “ปูเน่ อนัญญาลัลน์ วัฒนะนุพงศ์” ปัจจุบัน ปูเน่-อนัญญาลัลน์ เป็นอาจารย์ประจำสาขาวิชาแฟชั่นดีไซน์
วิทยาลัยการออกแบบ มหาวิทยาลัยรังสิตและนักแข่งรถมอเตอร์ไซค์ในนามของ KAWASAKIและล่าสุดกับตำแหน่ง Brand Ambassador ของจักรยานชื่อดังแบรนด์Specialized กับโมเดลใหม่ล่าสุด All New Venge
“ชอบทุกอย่างที่ทำ ถ้าไม่ชอบจะฝืนและไม่ทำ”
สำหรับอาชีพหลักที่ทำหลังจากเรียนจบ Interior Design ที่ม.รังสิตและ Fashion Design จาก London College of Fashion
ได้ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นดีไซน์มาตลอดโดยเน้นการนำความรู้ที่ได้เรียนมาถ่ายทอดสู่รุ่นน้องในฐานะอาจารย์ที่มหาลัยรังสิต
ซึ่งอาจารย์ปู่เน่เป็นอาจารย์ที่ไม่เคยยอมแพ้กับความล้าหลัง ตลอด 13ปีในอาชีพอาจารย์ ทุกวันคือการเรียนรู้ใหม่
ยอมรับและเข้าใจคาแรกเตอร์ของนักศึกษาที่ผลัดเปลี่ยนมาแล้วหลายต่อหลาย Gen ด้วยกันนักศึกษาของอาจารย์ปูเน่ทุกคนจะไม่เคยรู้สึกซ้ำซากจำเจกับการสอนในแพทเทิร์นเดิมๆ ของอาจารย์เลย ซึ่งเทคนิคอยู่ตรงที่ว่า“ทำตัวให้เหมือนเด็ก” นั่นคือถ้าเราเป็นเด็กก็จะง่ายต่อการเปิดใจรับรู้กล้าลอง อยากรู้อยากเห็นไปเสียทุกอย่างซึ่งจะทำให้เราแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ตลอดที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่านักศึกษาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่เราให้เขาเพราะปัจจุบันเทคโนโลยีมาไกลเหลือเกิน
อยากรู้อะไรก็เสิร์ซหาดูหาอ่านได้ ส่วนจะเข้าใจหรืออยากรู้ว่าผิดหรือถูกเขาจะเอาข้อข้องใจนั่นมาตั้งคำถามกับเราเองและในฐานะอาจารย์อย่างเราก็มีหน้าที่ช่วยนักศึกษาค้นหาชี้แนะเพิ่มเติมเพื่อให้ตอบโจทย์ในสิ่งที่เขาอยากรู้ซึ่งทำให้ตัวเราสนุกกับงานสอนส่วนการเป็นนักแข่งรถ
นอกจากความชอบส่วนตัวแล้วก็เกิดจากดารตกหลุมรักในการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ด้วยเหตุผลง่ายๆ แบบสาวไม่ใช่สายหวานนัก คือ รู้สึกชอบรู้สึกเท่ และมีโอกาสได้เริ่มรู้จักวงการบิ๊กไบด์ การขี่ออกทริปและสนใจการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ในรายการ Moto GP
ทำให้ปลุกความรู้สึกในตัวถึงความท้าทายดี เลยตัดสินใจลองเรียน ฝึกฝนฝึกซ้อมการขับขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ประมาณ 1-2 ปี
จากนั้นจึงชิมรางการแข่งครั้งในรายการ Kawasaki One Make Raceและได้รับรางวัลชนะเลิศในปี 2559
หลังจบสนามแรกไปก็หมั่นฝึกฝนมาเรื่อยและลงแข่งในสนามต่อๆไป ซึ่งทั้ง2 สองอาชีพหลักๆ ของอาจารย์ปูเน่ เป็นสองสิ่งที่ทำด้วยความชอบทั้งหมดไม่ได้บังคับตัวเองว่าต้องทำอันไหนให้ดีไปกว่ากัน แค่เรารู้จักตัวของตัวเองไม่ว่าทำอะไรก็จะสนุกกับสิ่งที่ทำทั้งหมด
“ต้องแข็งแรง และมีสมดุลในชีวิตถึงจะไปได้ดี”
อาจารย์ปู่เน่มีเคล็ดลับความสำเร็จของชีวิตในรูปแบบง่ายๆ อยู่ 2สิ่งที่สำคัญ นั่นคือ (สำหรับสายนักบิด) สิ่งแรกางกายต้องแข็งแรงเราต้องดูและสุขภาพร่างกายหมั่นออกกำลังกายสม่ำเสมอเพราะจะทำให้เราสามารถควบคุมรถได้ดียิ่งขึ้นยิ่งเข้าโค้งเยอะยิ่งต้องใช้พลังมาก
ฉะนั้นต้องออกกำลังกายควบคู่ไปกับการฝึกซ้อมและการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและแน่นอนเมื่อเรามีอาชีพอื่นอีกก็ต้องรู้จักการแบ่งเวลาให้เป็นไม่ว่าจะการซ้อม การสอน การแข่งแต่ละกิจกรรมจะมีการแมนเนจไว้ล่วงหน้า วันไหนไม่มีสอนถึงจะไปซ้อมหรือลงแข่งในสนามต่างๆ ส่วนทุกเย็นจะต้องออกกำลังกายไปด้วยและสิ่งที่สองคือ การมีจิตที่นั่ง นั่นคือการนั่งสมาธิสิ่งนี้จะช่วยในการจัดการกับอารมณ์ได้ดี
ทำให้เรามีสติไม่ตื่นเต้นทั้งในการแข่งขัน หรือการสอนรวมถึงการทำกิจกรรมอื่นๆ เมื่อจิตเรานิ่งขึ้นจะทำมีความคงที่ด้วยนั่นเอง
“ข้อคิดในการเริ่มต้นค้นหาความชอบและตัวตน”
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ อาจารย์ปู่เน่เล่าว่านี่ก็มาไกลและเกินความคาดหวังของเราทุกอย่างแล้วจากตอนแรกแค่นึกว่าจะลงแข่งเอาประสบการณ์ แค่มีรถ 1 คันกลายเป็นมีทีจากเล็กๆ ลองแข่งไปเรื่อยๆตอนนี้กลายเป็นทีมที่ใหญ่มีคนสนใจมาอยู่ในทีมเยอะพอสมควร
ประกอบกับมีผู้สนับสนุนเข้ามาเยอะแยะมากมายทำให้เราเกิดความพึงพอใจกับความ “ชอบ”ในความเป็นตัวของเราแบบนี้เอง ทำให้ราคิดถูกเสมอถึงแม้การการแข่งรถจะเป็นความชอบที่มาที่หลังและเริ่มต้นอายุเยอะแล้วก็ตาม แต่ทุกอย่างเริ่มต้นจากศูนย์ได้เสมอ
ทำให้เราเริ่มเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้เต็มที่ อาจารย์ปู่เน่ขอฝากถึงนักศึกษาและเยาวชนรุ่นใหม่ทุกคน หากคิดว่าอาจารย์ปู่เน่ดูเก่ง ดูเท่
ดูอยากเอาเยี่ยนอย่างแล้วหล่ะก็ ต้องบอกเลยว่าอาจารย์ปู่เน่ไม่ได้เก่งที่สุดยังมีคนอีกมากมายที่น่าสนใจ แต่อยากสื่อสารว่า “เราเป็นอาชีพอะไรก็ได้แค่เราทำผลงานของเราออกมาให้ดีที่สุดก็พอและรู้สึกอยากจะทำอยากที่จะพัฒนาตัวเองให้ขึ้นมาตลอดเวลา” นี่แหละ
ความชอบในสิ่งที่เราทำจะทำให้เรามีคุณค่าและมีความหมายในชีวิตมากที่สุด