คิดจะพักขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอีกมุมหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น นั่นคือ เที่ยวภูเขา ชมธรรมชาติ วันนี้จึงถือโอกาสนำเรื่องราวภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นมาฝาก เพื่อให้สอดคล้องกับหยุดของชาวญี่ปุ่นที่ใกล้จะถึงในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันหยุดสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่น ได้ประกาศให้วันที่ 11 สิงหาคมของทุกปีเป็นวันหยุดราชการนับตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา นั่นคือ “วันแห่งภูเขา” หรือ “Yama no hi” เพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งต่อคุณประโยชน์ที่ได้รับจากภูเขา อีกทั้งช่วยให้รำลึกถึงการดูแลปกป้องธรรมชาติที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ให้ดำรงอยู่ต่อไปในอนาคต ประเทศญี่ปุ่น มีพื้นที่เกือบ 70% เป็นภูเขา ชาวญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณดำรงชีวิตร่วมกับธรรมชาติ มีความรู้สึกเคารพต่อภูเขา และซาบซึ้งต่อคุณประโยชน์ที่ได้ รับจากป่าไม้มากมาย หลายฝ่ายจึงให้ความสำคัญ
ภูเขาไฟฟูจิ สัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น
ภูเขาไฟฟูจิ หรือ ฟูจิซัง(Fuji) ภูเขาที่สูงและสวยที่สุดในบรรดาภูเขาทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่น เป็นภูเขาไฟที่อยู่ในบริเวณตอนกลางของญี่ปุ่น มีความสูง 3,776 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถือเป็นภูเขาไฟที่มีความสูงเป็นอันดับที่ 29 ของโลก มีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด คือจังหวัดชิซึโอกะ และจังหวัดยามานาชิ อยู่ไม่ไกลจากโตเกียว
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีภูเขาไฟมากที่สุด มีประมาณ 10% ของจำนวนภูเขาไฟในโลก เป็นภูเขาไฟมีพลังอยู่ประมาณ 100 ลูก เหตุที่เรียกภูเขาไฟมีพลังก็เพราะเมื่อภูเขาไฟปะทุย่อมสร้างความเสียหายใหญ่หลวง แต่ “ออนเซน(น้ำพุร้อน)” ของญี่ปุ่น เป็นผลพลอยได้ที่ได้รับจากภูเขาเหล่านั้น ซึ่งกิจกรรมการแช่ออนเซนก็เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และสร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศญี่ปุ่น
เราขอเล่าประสบการณ์จากการเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิ ทั้งที่ขึ้นไปชมวิวมุมสูง และบริเวณรอบภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งยังอยู่ในความทรงจำ จึงขอนำภาพความประทับใจเหล่านั้นมาเล่าให้ฟังค่ะ
แต่อย่างที่บอกว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นเกือบ 70% เป็นภูเขา ดังที่เราและหลายคนเคยเห็นภาพ รีวิวต่างๆ ล้วนสวยงาม และมีความสำคัญแตกต่างกันไปตามพื้นที่ และภูมิภาค ซึ่งเราจะไม่พูดถึง เนื่องจากยังไม่เคยไปสัมผัสด้วยตัวเองกับภูเขาลูกอื่นๆ จึงขอเล่าและนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟฟูจิพอสังเขป
ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาไฟที่ยังมีการปะทุอยู่ เมื่อภูเขาไฟเกิดการปะทุจะปล่อยลาวาและเถ้าถ่านออกมาด้วย นับตั้งแต่สมัยโบราณผู้คนต่างให้การสักการะภูเขาไฟแห่งนี้ในฐานะเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาในยุคกลาง ความเชื่อและความศรัทธาได้ส่งผลให้ผู้คนจำนวนมาก เดินทางขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้ จนกระทั่งในแต่ละท้องถิ่นได้สร้างศาลเจ้าเพื่อสักการะภูเขาไฟฟูจิที่มีให้เห็นในปัจจุบัน
ผู้คนมากมายที่ปรารถนาจะลองขึ้นไปบนภูเขาไฟฟูจิดูสักครั้งในชีวิต (เราคืนหนึ่งในนั้น) นับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน โดยในแต่ละปีมีผู้คนเดินทางไปเยือนภูเขาไฟแห่งนี้ประมาณ 3 แสนคน
บริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิ มีทะเลสาบที่เกิดขึ้นจากการปะทุของภูเขาไฟ น้ำจากแหล่งน้ำใต้ดินที่อุดมสมบูรณ์ทำให้เกิดแม่น้ำ และหนองน้ำมากมาย มีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นปกคลุมที่ราบสูงอันเกิดจากลาวา มีสัตว์ป่า และพืชพันธุ์ที่สำคัญอยู่เป็นจำนวนมาก
สำหรับเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนภูเขาไฟฟูจิ เมื่อครั้งเที่ยวกับทัวร์ ขึ้นไปชมภูเขาไฟฟูจิได้เพียงชั้น 4 จากโปรแกรมเดิมที่ต้องไปถึงชั้น 5 โชเฟอร์ (เรานั่งรถบัสขึ้นไป) บอกว่า ฟ้า ฝน ไม่เป็นใจ ชมได้แค่ชั้น 4 … แค่นี้ก็ฟินแล้วค่ะ
นอกจากนี้ เรายังสามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากที่พัก (เราพักที่ FUJISAN GARDEN HOTEL) และตลอดเส้นทางที่รถวิ่งผ่านไปตามบริเวณริมทะเลสาบยามานะคะโกะ (หนึ่งในทะเลสาบที่โอบล้อมภูเขาไฟฟูจิ) ซึ่งจะมีจุดที่รถจอดให้ชมฟูจิซังและถ่ายภาพกันอย่างจุใจ ก่อนไปเที่ยวสถานที่รอบๆ ภูเขาไฟแห่งนี้ โดยทุกที่ที่ไป สามารถมองเห็นฟูจิซังได้ตลอดเส้นทาง
ภาพความงามที่ติดตาตรึงใจมิรู้ลืม
ภาพลักษณ์ของภูเขาไฟฟูจิมีความหลากหลาย ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศ ตำแหน่งของพระอาทิตย์ และมุมที่มองเห็น แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิม คือความสวยงามที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นดุจดั่งอัญมณีล้ำค่าของโลก
มองเห็นฟูจิซังได้ชัดเจนจากฮาโกเน่
สถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมองเห็นภูเขาฟูจิได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือ ฮาโกเน่ ซึ่งเราได้ไปเที่ยวเมื่อครั้งไปเที่ยวด้วยตนเอง (อ่านฮาโกเน่ เมืองเล็กๆ ไปแล้ว จะหลงรัก) หรือแม้กระทั่งอยู่ในโตเกียว ตามตึกสูง หรือที่ไหนๆ ก็มองเห็นฟูจิจังได้เมื่อฟ้าเปิด

ด้วยความสวยงามของภูเขาไฟฟูจิ อีกทั้งเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งได้รับความศรัทธามาตั้งแต่อดีต และยังเป็นต้นกำเนิดแรงบันดาลใจในผลงานศิปละ ในปี ค.ศ. 2013 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ขึ้นทะเบียน “ภูเขาไฟฟูจิ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์และต้นกำเนิดแรงบันดาลใจในผลงานศิลปะ” เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม
ในโอกาสใกล้วันแห่งภูเขาของชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่อง ถ้าหากใครมีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่น ลองแวะเที่ยวชมภูเขาไฟฟูจิดูสักครั้ง ชมธรรมชาติ สัมผัสอากาศ และกลิ่นอายฟูจิซัง แม้ไม่ได้ขึ้นไปถึงชั้น 5 ก็สามารถซึบซับบรรยากาศ บริเวณรอบๆ ได้ … แนะนำค่ะ
ช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคมของทุกปี เป็นช่วงที่ภูเขาไฟฟูจิเปิดอย่างเป็นทางการ นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปปีนเขาได้ ซึ่งทางขึ้นมีหลายทาง ไม่ว่าจะเป็นคาวากุจิโกะกุจิ ฟูจิโนะมิยะกุจิ สุบาชิริกุจิ โกะเตนบะกุจิ
อ้างอิง : http://www.th.emb-japan.go.jp/th/jis/publ/59_3.pdf
การเดินทางจากโตเกียว :
- โดยรถไฟ LTD. EXP จากสถานี SHINJUKU(JR) โดยขบวน AZUSA หรือ KAIJI ลงสถานี OTSUKI จากนั้นต้องนั่งรถไฟ Fujikyu Railway for KAWAGUCHIKO ไปลงสถานี KAWAGUCHIKO รวมค่ารถไฟทั้งสิ้น 2,460 เยน (ยังไม่รวมค่าจองที่นั่ง) (ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง)
**สามารถค้นหาเที่ยวรถไฟเพิ่มเติมที่ http://www.hyperdia.com/en - โดยรถบัส (ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที).. เส้นทางรถบัสระหว่างสถานีชินจูกุ – สถานีคาวากุจิโกะ (ต้องจอง…อ่านรายละเอียดและจองที่ https://highway-buses.jp/thai/course/kawaguchiko.php) ค่าโดยสาร ผู้ใหญ่ 1,750 เยน เด็ก 880 เยน …ถ้าจะขึ้นไปชมภูเขาไฟฟูจิชั้น 5 มีรถบัสสายตรงจากสถานีรถไฟคาวากุจิโกะถึงภูเขาไฟฟูจิชั้นที่ 5 (ไม่ต้องจอง) ค่าโดยสารเที่ยวเดียว 1,540 เยน / ไป-กลับ 2,100 เยน (ดูตารางการเดินรถที่นี่ http://www.japan-guide.com/bus/fuji.html)