สัมภาษณ์ อนันดา เอเวอริงแฮม ในบท ขุนพันธ์

อนันดา เอเวอริงแฮม กลับมาสวมชีวิตจิตวิญญาณเป็นขุนพันธ์ตำรวจวีรบุรุษอันเป็นตำนาน ผู้ใช้อาคมเป็นอาวุธและศรัทธาแห่งความดีปราบเสือร้ายจากทุกสารทิศ

ผมรู้สึกว่าทุกวินาทีที่เราอยู่กับเรื่องนี้ มันเป็นสิ่งที่เราเก็บไว้เป็นความทรงจำที่เราจะเก็บไว้กับตัวตลอดไป ไม่มีใครรู้ว่าจะมีโอกาสทำหนังชนิดนี้อีกหรือเปล่าซึ่งมันทำให้ทุกๆคนรวมถึงตัวผม รู้สึกศรัทธาการทำงานในทางนี้เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุ่มเทให้กับโปรเจคต์นี้ เราให้100เปอร์เซนต์

อนันดา เอเวอริงแฮม

Q.เป็นอย่างไรบ้างกับการกลับมารับบทเป็น ขุนพันธ์ นายตำรวจวีรบุรุษผู้เป็นตำนานครั้งที่2

อนันดา : ต้องบอกว่าพอจบภาคแรก ยอมรับเลยว่านี่เป็นโปรเจคต์ที่ใช้พลังงานมากที่สุด ในทุกๆโปรเจคต์ที่ผมเคยร่วมงานมาก่อน ตอนปิดกล้องก็ยังบอกพี่โขมเลยว่าสิบปีนะพี่เดี๋ยวค่อยกลับมาเจอกัน ให้กลับมาอย่างนี้อีกรอบหนึ่งไม่รู้ว่าจะไหวไหม ขอทำใจก่อนนะถ้าพี่จะให้ผมกลับมาเล่น พอรู้ว่ามีภาค2 มันเป็นโปรเจคต์ที่ทำยาก เป็นชนิดหนังที่น้อยทีมน้อยคนคิดที่จะทำกันแล้ว ซึ่งมันทำให้ทุกๆคนรวมถึงตัวผม รู้สึกศรัทธาการทำงานในทางนี้ เรารู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทุ่มเทให้กับโปรเจคต์นี้ เราให้100เปอร์เซนต์ ในเมื่อเราทำภาค1ให้มันสำเร็จมาแล้วเนี่ย ภาค2คือเรารู้อยู่แล้วว่ามันต้องมากกว่านั้น ก็เลยเตรียมตัวที่จะเหนื่อยกว่าภาคแรกด้วยซ้ำไป สิ่งหนึ่งที่ผมชอบในทีมของเรา เพราะเราได้ฝ่าฟันหลายสิ่งหลายอย่างกับภาคแรก ผมรู้สึกว่ามันทำให้ทุกคนสนิทกัน มีความสามัคคีอยู่สูงมากเราทำงานกันเป็นครอบครัวเราสู้เพื่อกันและกัน กลุ่มกองถ่ายของเราเป็นเหมือนกลุ่มแก๊งโจรเชิ๊ตดำไปแล้ว

Q.ในภาพยนตร์เรื่องขุนพันธ์ภาค2 อะไรคือความแตกต่างที่ผู้ชมจะได้สัมผัส

อนันดา : สำหรับขุนพันธ์ภาค 2 ความแตกต่างจากภาคแรกที่เราจะได้เห็นคือเราจะได้เห็นตัวละครของขุนพันธ์ เป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อมากขึ้น มีความเป็นมนุษปุถุชน ภาคแรกขุนพันธ์จะค่อนข้างขาวดำคือทุกอย่างที่เขาเชื่อมันเป็นเรื่องของกฎหมาย แต่สำหรับภาคนี้เราจะได้เห็นconflictเห็นความรู้สึกขัดแย้งของตัวละครตัวนี้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆที่เขาได้เผชิญหน้า จริงๆอย่างโจรที่เขาได้เจอมันก็มีทั้งคุณธรรม มีเมตตา ก็ไม่ได้เลวซะทีเดียว ในเวลาเดียวกันก็จะได้เห็นตำรวจที่ไม่ได้ดีซะทีเดียวเหมือนกัน มันทำให้ท่านขุนเขาเกิดคำถาม เกิดความรู้สึกที่ว่า แล้วตำรวจที่ดียังมีอยู่ไหม แต่ในขณะเดียวกันแน่นอนอยู่แล้วใครที่เป็นแฟนหนังแอคชั่นแฟนตาซี เรื่องอาคม ในภาค 2 เราจะได้เห็นความเข้มข้นของวิชาอาคมที่ท่านขุนพันธ์มานำเสนอให้ทุกคนได้ดูนะครับ และจะได้เห็นที่มาที่ไปของวิชาอาคมเหล่านี้ว่าท่านไปเรียนมาจากที่ไหน ท่านเอามาใช้มากขึ้นชัดขึ้นมากกว่าภาคแรกอีก

Q. คงต้องเล่าให้ฟังแล้วว่าในภาพยนตร์เรื่อง ขุนพันธ์ภาค 2 เรื่องราวเป็นอย่างไร

อนันดา : สำหรับขุนพันธ์ภาค2 เหตุการณ์ในช่วงเวลานั้นกฎหมายค่อนข้างอ่อนแอมาก ท่านขุนเองก็เริ่มรู้สึกหมดศรัทธาในกฎหมาย เจอตำรวจหักหลัง โดนให้พักราชการ ในภาคนี้เราก็เลยจะได้เห็นท่านขุนเข้าไปอยู่ในกลุ่มของพวกจอมโจรเชิ๊ตดำซึ่งนำโดยเสือฝ้าย เสือใบ พูดได้ว่าสำหรับเสือฝ้ายก็จะคุมชุมโจรที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางในช่วงนั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการจับตัวมากที่สุด ทางเสือใบกับเสือฝ้ายเนี่ยนอกจากจะเก่งก็จะมีของดีมีอาคมที่ไม่แพ้ใครเลยครับ และก็ความไม่ธรรมดาของสองคนนี้คือยอมหักไม่ยอมตาย สำหรับท่านขุนเองพอเข้าไปอยู่ในกลุ่มเชิ๊ตดำมันมีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ส่งผลต่อความคิดที่อยู่ในตัวท่านขุนพันธ์ ท่านได้เห็นว่าจริงๆแล้วโลกมันไม่ได้มีแค่ขาวดำ ทุกอย่างไม่ได้ดำเนินไปตามกฎหมายอย่างเดียว พอได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแก๊งเชิ้ตดำก็ไปสะกิดความเชื่อแต่เดิมที่ท่านเคยมีมาตลอดเกี่ยวกับพวกเสือ และกฎหมาย ความน่าสนใจในภาคสองนี้คือเราจะได้เห็นตัวละครท่านขุนที่มีอาวุธมีอาคม ที่เหนือใคร แต่ในขณะเดียวกันสำหรับเสือฝ้ายกับเสือใบนี่ก็ไม่แพ้กัน มีวิชาอาคมที่ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ ในภาค2นี้กฎหมายจะจับตายขุนพันธ์ครับ เราจะได้เห็นขุนพันธ์ถือคำสัตย์ปฎิญาณกับพวกโจร

 

Q.ในภาค2นี้ผู้ชมจะได้สัมผัส ของขลัง วิชาอาคมอะไรของ ขุนพันธ์ บ้าง

อนันดา : ในภาคนี้คือ หนังเหนียวคงกระพัน คาถาพรางตัว แต่ไม่ใช่แค่นั้น เพราะท่านก็จะมีอาวุธพิเศษในภาคนี้ด้วยก็คือดาบแดง เราจะได้เห็นขุนพันธ์ใช้ดาบแดง เราจะได้เห็นความมันการปะทะกันของสามตัวละครที่มีความคงกระพัน มีวิชาแคล้วคลาด และก็พลังช้างสาร

Q. ในภาคที่2ยังมีตัวละครใหม่ๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ปรับ ที่เป็น2คาแรคเตอร์ตัวละครสำคัญอย่าง เสือใบกับเสือฝ้ายเป็นอย่างไรบ้าง

อนันดา : สำหรับคาแรคเตอร์เสือใบจะเป็นตัวละครที่เจ้าเล่ห์ จะมีไหวพริบที่ดี ฉลาด แต่จุดที่ผมว่ามีเสน่ห์ของตัวเสือใบนี่คือ ความกระล่อน ความเจ้าชู้ คือจากที่ เป้ (อารักษ์ อมรศุภศิริ)เขาแสดงไปนี่มันน่าสนใจมาก ถึงขนาดที่ว่าเป้เขามีการดีไซน์ตัวละครตัวนี้ขึ้นมา อย่างเช่นมีการดัดเสียงเพื่อเล่นเป็นตัวละครเสือใบตัวนี้โดยเฉพาะ  ในขณะเดียวกันตัวเสือใบเองก็จะมีของขลังเป็นกระสุนคต เสือใบเขาก็จะมีปืนพิเศษที่จะเป็นปืนสำหรับกระสุนคตโดยเฉพาะ เพียงแค่ขอให้มองเห็น กระสุนอยู่ทิศไหนก็จะไปโดนคนนั้น และตะกรุดแคล้วคลาดครับ พูดง่ายๆเขาเรียกเหมือนกับเกราะของเขา ซึ่งใครยิงมาตะกรุดหันไปด้านนั้นก็จะยิงมาไม่ถึงตัว จะเป็นเหมือนเกราะที่จะช่วยบิดให้กระสุนหักเหออกไปในทิศทางอื่นครับ

เสือฝ้ายนี่ ก็เป็นโจรที่ไม่ธรรมดาเหมือนกัน นอกเหนือจากอาคมที่แกมีแล้ว เสือฝ้ายเป็นตัวละครที่มีความเหนือกว่าตัวละครตัวอื่นๆก็คือผู้คนทั่วไปล้วนนับถือ เป็นเสือที่มีบารมี เป็นที่นับถือของชาวบ้านถือแม้แกจะเป็นโจร พูดง่ายๆเสือฝ้ายก็จะเหมือน GOD FATHER ส่วนความสามารถหรือพลังอาคมของเสือฝ้ายคือ จะเก่งอาวุธทุกชนิด ปืนเล็ก ปืนสั้น ปืนยาว รวมไปถึงบาซูก้า แกก็ใช้นอกเหนือจากนั้นแกก็สักช้างเอราวัณอยู่บนอก ซึ่งถ้าเกิดออกฤทธิ์เมื่อไหร่ก็จะเกิดเป็นพละกำลังพลังมหาศาลเหมือนช้างสาร เรี่ยวแรงเยอะสามารถจับเหวี่ยงคู่ต่อสู้ลอยได้สบายเลย

Q. อีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่มีบทบาทในภาคนี้ก้อย รัชวินสำหรับตัวละครตัวนี้เป็นอย่างไรเกี่ยวข้องอย่างไรกับขุนพันธ์

อนันดา : เขาก็มารับบทเป็น บุตร์รา ซึ่งเป็นเจ้าของ โรงแรมสุวรรณบุปผา  เป็นแหล่งที่ทั้งโจร ทั้งตำรวจ ทุกๆคนที่อยู่ในสุพรรณฯมาหาความสุขกัน เป็นแหล่งที่ทั้งโจร ทั้งตำรวจเนี่ย ต้องเข้ามาหาข้อมูลกัน  แต่ตัวของบุตร์ราที่เป็นเจ้าของโรงแรมในที่นี้ เขาเองก็ไม่ได้เป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง  เพราะนอกจากความสวยมีเสน่ห์ล้นเหลือแล้ว ที่ไม่ธรรมดาคือมีอำนาจด้วย และก็จะอยู่ท่ามกลางโจร และ ตำรวจเลยครับ

Q. เราจะได้เห็นมุมมองของชีวิตของขุนพันธ์ในอีกด้านหนึ่งผ่านความสัมพันธ์ของทั้งสองตัวละครด้วย

อนันดา : เพราะว่าภาคแรกเราโฟกัสทุกอย่างไปที่อุดมการณ์ คือเราจะเห็นขุนพันธ์ที่เป็นตัวแทนของกฎหมายเท่านั้น เราจะไม่เห็นมุมส่วนตัวของเขาสักเท่าไหร่ ส่วนตัวละครบุตร์ราที่จะมามีความเกี่ยวข้องกับขุนพันธ์ เพื่อที่เราจะได้มองเห็นถึงมุมอื่นๆของท่านขุนด้วย และก็มีฉากพิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างขุนพันธ์กับบุตร์รา ซึ่งถ้าให้นึกเชื่อว่าเราเองอาจจะคาดไม่ถึงว่าจะมีฉากเต้นรำของท่านขุน ซึ่งทั้งผมและก้อยก็ต้องไปฝึกซ้อมกัน นับว่าเป็นฉากพิเศษฉากหนึ่งของหนังเลยครับ ซึ่งพี่โขมเขาก็เอาตัวอย่างมาให้ดู ผมก็แอบตกใจนิดหนึ่ง เพราะว่าผมแยกไม่ออกระหว่างเท้าซ้ายเท้าขวา (หัวเราะ)ก็เลยกังวลนิดหนึ่ง แต่ว่ารอดูนิดหนึ่งว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร

Q. โปรเจกต์นี้ทรหด โหดมากๆ กว่าจะปรากฎออกมาเป็นภาพให้เราได้ชมกัน

อนันดา : กว่าจะได้ภาคแรกมานี่ก็ไม่ธรรมดามันใช้พลังงานสูงมาก พอเรามาทำภาค2 มันก็ต้องมีอุปสรรค ผมคาดเดาไว้แล้วว่าต้องเจอ เป็นฉากที่ถ่ายยากมาก ก็คือมีวันหนึ่งที่เราถ่ายพวกฉากของเสือฝ้าย เสือใบ กับเสือบุตร์ มันจะเป็นฉากที่ท่านขุนพันธ์กลายเป็นเสือบุตร์ และก็เป็นช่วงเวลาที่กลุ่มเชิ๊ตดำออกไปปล้น แล้ววันนั้นฝนตก แต่เราก็ต้องทำงานกันต่อ ก็เลยเปลี่ยนเป็นขี่ม้าลุยฝน แล้วในฉากนั้นมันก็จะมีโจรดักซุ่ม  เสือฝ้าย เสือใบ เสือบุตร์ขี่มาด้วยกัน มันก็จะมีโจรโผล่ขึ้นมาอยู่รอบด้าน และผมก็ต้องยิงโจรที่อยู่ข้างหลังเสือฝ้าย เสือฝ้ายก็จะไปยิงโจรข้างหลังเสือใบ เสือใบก็จะไปยิงโจรข้างหลังเสือฝ้าย ตอนแรกเราไม่ได้ใช้กระสุนกันทำเป็นท่าทางไปม้าก็ไม่ได้ตื่นอะไร คราวนี้พี่โขมเขาอยากให้ใช้ลูกกระสุนแบลงค์ ซึ่งเสน่ห์ของภาคนี้คือ เอฟเฟกต์หรือกระสุนปืน เราเอาให้มันสมจริงมากที่สุดไม่อยากให้ไปเขียนซีจีอะไรมากมาย อยากให้เห็นว่าอยู่ด้วยกันสามคนจริงๆ และยิงกันจริงๆครับ ก็คือพอใส่ลูกแบลงค์ก็เท่านั้นแหละครับ ยิงออกไปปุ๊บม้าตื่น ของผมกับเป้นี่เอาไม่อยู่เลย มีแค่ของพี่เบิร์ดที่เอาอยู่ ก็เป็นฉากจำสำหรับผม ม้ามันไม่ยอมกลับมาที่มาร์ค ตอนสั่งแอคชั่นเนี่ยทุกคนก็ต้องกระซิบกัน หาจังหวะเผลอแล้วก็ค่อยแสดงกันอะไรอย่างนี้ครับ แต่พอยิงปืนก็วิ่งอยู่ดีต้องปล่อยให้วิ่งหาวิธีกระชากให้มันหยุด อีกวันหนึ่งพายุเข้า หลังคาคอกม้าล้มมาทับม้าของผมเจ็บก็ต้องเปลี่ยนม้าเข้ามา ได้ม้าตัวใหม่คราวนี้ก็ได้ม้ามาจากอีกคอกหนึ่งเป็นพ่อพันธุ์ มันก็จะขึ้นทับทุกตัวเลยพอเราขี่ตัวนี้ ทางพี่แอ๊นท์ที่เป็นหัวหน้าทีมม้า ก็จะคอยบอกว่าให้ผมดึงม้าของผมให้ห่างจากม้าตัวอื่นหน่อย เพราะมันจะขึ้นทับอย่างเดียวเลย มันอยู่ใกล้ตัวอื่นไม่ได้เลย อันนั้นก็เป็นอุปสรรคผม

ฉากที่คิดว่าเท่ห์ที่สุดที่เด่นในเรื่องเลยก็คือหลังจากที่ท่านขุนเขาเป็นโจรเต็มตัวแล้ว ก็จะมีฉากที่เปิดตัวท่านขุนกับแก๊งโจรเชิ๊ตดำ ที่เปิดตัวมาพร้อมกันโดยที่ท่านขุนขี่มอเตอร์ไซต์ออกมา และก็มีเสือฝ้าย กับเสือใบขี่ม้าตามมา  ท่ามกลางสายฝนที่เราไม่ได้ตั้งใจ ส่วนอีกฉากหนึ่งมันมีฉากแอคชั่นที่ทำให้เราเริ่มรู้สึกว่านี่แหละขุนพันธ์ภาค 2 ได้เริ่มแล้วก็คือวันแรกที่ถ่ายเลย ฉากที่ท่านขุนอยู่ในทุ่งหญ้า และแก๊งโจรเข้ามาล้อมยิงปืนใส่ ซึ่งท่านขุนเขาก็ใช้วิชาอาคมหนังเหนียวยิงไม่เข้า ปืนนี่มันก็จะมีลูกไฟออกมา แล้วผมก็ต้องวิ่งอยู่ตรงกลางระหว่างแก๊งโจร2 ข้างที่เขาไล่ยิงใส่ผมอยู่  จำได้เลยว่ากำลังวิ่งยกมือไหว้ท่องคาถา แล้วผมเห็นไฟอะไรสักอย่างวิ่งเข้ามาขอบตา พอมาถึงหน้าผมแล้วมันก็เฉี่ยวออกไป ระหว่างเล่นมันเร็วมากดูเพลย์แบล็คก็คือไฟจากปืนนี่แหละ ตรงเข้าหาหัวผมเลย สุดท้ายมันก็เฉี่ยวออกไป อีกฉากที่ขุนพันธ์กับเสือใบจะต้องวิ่งท่ามกลางสวนระเบิด แล้ววันนั้นเราเร่งกันมากเพราะมันเป็นช็อตท้ายๆของวัน ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าระเบิดมันจะใหญ่แค่ไหน ระเบิดอยู่ตรงไหนบ้าง เราสู้กับเวลาเราก็ต้องถ่าย เป้ก็อยู่ด้านหนึ่งผมก็อยู่อีกด้านหนึ่ง พอแอคชั่นก็วิ่งอย่างเดียว เราก็วิ่งไปถึงมาร์คเราให้ได้ แต่ขอบตาเห็นไฟ พอกลับมาเพลย์แบล็คดูโหระเบิดลูกใหญ่ไล่ตามหลังมาเป็นช็อตที่เท่ห์มาก ส่วนของผมมันรู้สึกถึงความร้อน อยู่ห่างนิดเดียวเอง ทุกคนตกใจขอโทษไม่คิดว่ามันเป็นระเบิดไฟ แต่ภาพมันก็โอเค อย่างที่ผมบอกในภาคนี้ตัวแอคชั่นมันจะสมจริงให้มากที่สุด หลายๆสิ่งที่เห็นในหนังมันเป็นเอฟเฟกต์ของจริงหมด

Q. แล้วเบื้องหลังการทำงานมีอะไรสนุกๆบ้างมั้ย

อนันดา : มีฉากที่เสือฝ้ายเสือใบและก็เสือบุตร์ สาบานต่อองค์พระพุทธรูปว่าจะเป็นพี่น้องกันตลอดไป ต้องเอามีดกรีดนิ้วแล้วเอาเลือดไปปั้มในหนังสือว่าเราจะรักกันสามัคคี ต้องคุกเข่าสาบานต่อหน้าพระ  แต่ฉากมันตลกตรงที่ว่าเป้เขามีปัญหาเอ็นที่เข่า พี่เบิร์ดก็จะมีปัญหาเรื่องเข่า แต่ผมมีปัญหาเรื่องเท้า พอคัตนี่หมดสภาพกันสามคน เหมือนเป็นโจรชรา โจรพิการ ต่างคนก็ต่างโอ๊ย หลังๆพี่เบิร์ดก็เอาฟองน้ำมารองเข่า เป้ก็ตอนเอาฟองน้ำมายัดไว้ใต้เข่า ผมก็ต้องเอาถุงทรายมารองเท้า

Q. การทำงานร่วมกับผู้พันเบิร์ด เป็นอย่างไรบ้าง

อนันดา  :  พี่เบิร์ดผมไม่เคยเจอพอเจอแรกๆผมก็จะตื่นเต้นทำตัวไม่ถูก คือเขาดูมีออร่าอะไรบางอย่างมีความน่าเกรงขาม รังสีคือบารมีของเสือฝ้ายมันมีอยู่ในตัวเขาสูงมาก  ผมรู้สึกต้องหลบสายตา แค่นั่งอยู่เฉยๆช่างดูน่ากลัว คือผมว่าพี่เบิร์ดเขาเกิดมาเพื่อบทนี้ เขาขึ้นหลังม้าแล้วพี่ฝ้ายอยากพูดอยากทำอะไรผมเชื่อหมดทุกอย่าง พวกฉากขี่ม้าเขาคนเดียวที่เอาอยู่ เหมือนนี่คืออาณาจักรของเขาจริงๆ  และก็จะยิงปืนฟันดาบสำหรับผมมันดูเป็นเรื่องจริงหมดเลย ฉากเด็ดอีกฉากหนึ่งคือตัวขุนพันธ์เข้าไปเป็นตลาดมืดที่เป็นท่าน้ำ และทางเสือใบกำลังเจรจาเรื่องอาวุธปืนอยู่ ขุนพันธ์ก็เลยเข้าไปขอร่วมแก๊งกับพวกโจรเชิ๊ตดำ ซึ่งฉากนั้นจะค่อนข้างยากมาก เพราะว่ามันเป็นตลาดน้ำ เสือใบก็จะเกิดเรื่องราวสู้ยิงกันอยู่ที่ท่าน้ำ ช็อตที่เขาอยากได้คือเป็นลองช็อตที่สองคนมาเจอกัน ซึ่งด้านหลังพอมันเกิดเรื่องราวที่มันค้าอาวุธกัน มันจะมีการต่อยตีมีระเบิดเต็มไปหมด และพี่โขมอยากได้ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอยู่ด้านหลังระหว่างที่สองคนนี้กำลังเจรจากันอยู่ต้องชักปืนยิงเฉียดกัน ผมก็ต้องดูดซิก้ายิงปืนเฉียดและก็ต้องคุยไดอาล็อค ส่วนเป้ก็ต้องควงปืนออกมายิงเฉียดผม คือทุกคนลุ้นกันมาก เพราะองค์ประกอบของช็อตนั้นมันค่อนข้างเยอะมาก เพราะว่ามันต้องมีระเบิดคือมันต้องรีเซ็ต รีเซ็ตทีก็ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงขั้นต่ำ ทุกคนก็ลุ้นกันหมดขอให้ไปมีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งมันเป็นช็อตเด็ดของหนังหนึ่งช็อตเลยนะ เรากลับไปดูกันผมกับเป้ภูมิใจในช็อตนั้นมาก

Q.จับตาดูอีกหนึ่งฉากไฮไลท์สำคัญที่น่าจะกลายเป็นอีกหนึ่งฉากจำที่ทุกคนพูดถึง

อนันดา : ใครที่ได้ดูขุนพันธ์ภาคแรกก็จะได้ดูฉากขุนพันธ์ประจันกับอัลฮาวียะลู ภาค 2 ก็มีเหมือนกันระหว่างขุนพันธ์กับเสือฝ้าย ขุนพันธ์นอนอยู่ตื่นขึ้นมา และก็มีปืนล้อมเสือฝ้ายก็อยากจะลองว่ามีของจริงหรือเปล่า ก็เลยเอาปืนจ่ออก และก็ยังไม่ทันได้ต่อรองอะไร เสือฝ้ายก็ยิงกระเด็นเลยครับ อ่านบทครั้งแรกเราก็ตกใจนิดหนึ่งว่าพี่โขม กะเอาอย่างนี้เลยเหรอ

Q. อยากฝากบอกอะไรกับแฟนๆที่รอคอย ขุนพันธ์2

อนันดา : สำหรับขุนพันธ์ 2 ผมการันตีว่าโปรดักชั่นของหนังเรื่องนี้ไม่แพ้ใครแน่นอน ส่วนหนึ่งที่เป็นจุดเด่นที่เราเห็นของเรื่องนี้คือเราเน้นความสมจริงครับ ทุกส่วนของโปรดักชั่นเลย เราอยากให้คนดูเขาเหมือนอยู่ร่วมในเหตุการณ์กับพวกเรา อยากจะบอกนิดหนึ่งว่าใครที่เป็นแฟนๆของภาคแรก แฟนตาซี เรื่องอาคม หนังพีเรียด ขอบอกว่าภาค 2 ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน จะดุเดือดแค่ไหนท่านขุนจะกลับมาด้วยวิชาอามคมแบบไหนบ้าง มีของขลังของใหม่อะไรยังไงมาบ้างก็ต้องห้ามพลาดนะครับ ขุนพันธ์ภาค 2

ผู้ชายหมายเลข7 มองโลกผ่านวิวไฟน์เดอร์ เจ้าของผลงานช่างภาพข่าวยอดเยี่ยม3รางวัล คลุกคลีกับวงการสื่อมามากกว่า30ปี