กาแฟคือความรัก กาแฟคือทุกอย่าง | แชมป์บาริสต้าWorld Es- Yenn Championship

คิดจะพักวันนี้ได้มีโอกาสคุยกับ เอกลักษณ์ อนันท์เสน ศิษย์เก่าเอกภาษาไทย ม.รังสิต แชมป์จากการแข่งขันWorld Es- Yenn Championship

“เคยไหมเรียนมาไม่ได้ใช้ ส่วนสิ่งที่ใช้ไม่ได้เรียนจากในห้องเรียน”เชื่อว่าประโยคนี้ใช้ได้กับใครหลายคน ไม่เว้นแม้แต่แชมป์บาริสต้าหนุ่มคนนี้


ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจมาจากการทำงานระหว่างเรียน สิ่งที่ต้องทำทุกวันๆถูกกลั่นผ่านความรู้สึกจนกลายเป็นความชื่นชอบ ความหลงรักและวันนี้เขาไม่ได้ประกอบเป็นเพียงอาชีพแต่ยังนำความสามารถตรงนี้ไปใช้ในการแข่งขันจนประสบความสำเร็จเป็นแชมป์เปี้ยนกันเลยทีเดียวนายเอกลักษณ์ อนันท์เสน ศิษย์เก่าสาขาวิชาภาษาไทยคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต หรือที่ปัจจุบันหลายคนเรียกขานเขาว่า“จารย์เก๋ แห่งคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์” แชมป์ World Es- YennChampionship กล่าวว่า

 

ผมเริ่มต้นเกี่ยวข้องกับกาแฟจริงจังเลยตอนทำงานพาร์มไทม์ระหว่างเรียนครับผมเป็นเด็กเสิร์ฟคลุกคลีครูพักลักจำอยู่ประมาณสองปีครึ่งพอมีบาริสต้าลาออก ผมจึงได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองตอนช่วงเวลานั้นหลังจากนั้นได้ผันตัวเองมาเป็นเทรนเนอร์ในการสอนชงกาแฟ

แต่ก็เรียนรู้พักใหญ่ครับ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้มาสอนครับ“ตอนนั้นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเทรนเนอร์ ผมเรียนอยู่ปี 4 ครับ
พอเรียนจบมาก็ยังไม่ได้แตะกาแฟนะครับ ไปทำงานที่โฮมโปรก่อน 2 ปีแต่ใจก็เรียกร้องอยากกลับมาทำสิ่งที่เราชอบดีกว่า
จึงไปสมัครเป็นพนักงานตามร้านกาแฟแบรนด์ดังต่างๆแต่สุดท้ายก็ได้มาทำร้านกาแฟจากคำชักชวนของพี่ที่รู้จักกันครับ
พี่เขาเปิดบริษัทคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์ ผมจึงมาเป็นทีมบุกเบิกด้วยคนครับบริษัทคัฟฟ่าเริ่มต้นจากการขาย
เน้นขายอุปกรณ์เกี่ยวกับกาแฟแบบครบวงจรครับและเปิดเป็นโรงเรียนสอนชงกาแฟด้วยที่นี่จึงเป็นโอกาสที่ผมได้กลายมาเป็นเทรนเนอร์เต็มตัวครับ


หลังจากทั้งฝึกฝนตัวเองและหาความรู้เพิ่มเติมจากการสอนผู้อื่นแล้วผมก็เริ่มเข้าสู่การแข่งขันครับ งาน Meiji Speed Latte Artเป็นงานแรกที่ลงแข่งขัน ซ้อมหนักมาก แต่ก็มีเหตุปัจจัยหลายอย่างทั้งตื่นเต้น ทั้งประหม่า พอหน้างานเหมือนคนจับเครื่องไม่เป็น เทน้ำมือไม่นิ่งตกรอบครับ ผมจึงตั้งตั้งปณิธานไว้ว่า ผมต้องแข่งอีก งานไหนก็จะไปเข้าร่วมการแข่งขันจะเป็นตัวบ่มประสบการณ์ให้เราได้ดีที่สุด และการแข่งขันล่าสุดWorld Es-Yenn Championship ผมเตรียมตัวคิดค้นหาสูตรศึกษาเรื่องนมที่ต้องใช้ กาแฟตัวไหนที่จะได้มาชงหน้างานเราจะต้องเจอกับน้ำแบบไหน อุณหภูมิน้ำจะเป็นยังไงบ้างจึงต้องพยายามที่ซ้อม หลังเลิกงานก็ซ้อม ผลลัพธ์ที่ได้ต้องเรียกว่าคุ้มค่าครับไม่เพียงได้รางวัล มันได้ทั้งเพื่อน ทั้งคอนเนคชั่น และที่สำคัญได้ความมั่นใจผมเป็นเทรนเนอร์ เป็นครู


ผมต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนที่จะมาเรียนกับผมว่าพวกเขาจะไม่เสียเวลาเปล่าครับก่อนจะไปทุกคนมักจะคิดว่าเรามาเพื่อแข่งกับคนอื่นๆแต่ผมจะย้ำกับตัวเองไว้ทุกๆ นาทีเลยว่า วันนี้เรามาแข่งกับใครมาแข่งกับตัวเองนะ สติ สมาธิต้องนิ่ง ซ้อมมายังไงบ้า ทำตามนั้นซึ่งสำหรับผมพอใจครับ ทางกติกาเขาจะกำหนดสูตรมาให้งานนี้คือตรงกับสเป็คที่ผมซ้อมมาครับ มันอยู่มือ มันคงที่ผมมองว่านี่คือรางวัลที่ได้รับครับ

นอกจากนี้ผมยังเข้ามาดูแลในส่วนของผลิตภัณฑ์ทุกตัวของคัฟฟ่าครับ มีตำแหน่งProduct Manager เพิ่มเข้ามาครับ ตรงนี้ผมต้องศึกษาทุกผลิตภัณฑ์เพื่อจะได้รู้ว่าเครื่องไหนตัวไหนเป็นอย่างไร เหมาะกับใครเหมาะกับงานแบบไหน เพื่อจะได้เลือกหรือแนะนำลูกค้าได้”สำหรับ “จารย์เก๋ แห่งคัฟฟ่า คอฟฟี่แม็คเกอร์” นั้นเขาคลุกคลีกับกาแฟหลายประเภท ชิมกาแฟมาก็ไม่น้อย

เมื่อให้เขาเปรียบเทียบตัวเองเป็นกาแฟนั้น เขาเลือกที่จะเป็นคาราเมล ลาเต้กาแฟแบบนุ่มๆ เบาๆ จารย์เก๋ เล่าต่อว่า
กาแฟเป็นอะไรที่พิสูจน์ได้ตามหลักวิทยาศาสตร์กาแฟเป็นเรื่องของการศึกษา หากเราหยุดที่จะเรียนรู้เท่ากับว่าเราหยุดตัวเองในวงการนี้ครับ“ผมตั้งใจจะอยู่กับเรื่องของกาแฟไปจนกว่าจะไม่มีแรง

กาแฟคือความรัก กาแฟคือทุกอย่าง ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์เพื่อนมิตรภาพ รางวัล และที่สำคัญอนาคตของผมก็คือกาแฟครับอยากจะเปิดร้านกาแฟเล็กๆ อยากเป็นเจ้าของผมอยากเป็นมากกว่าคนขายกาแฟ ผมอยากเป็นคนรักกาแฟ

 

สำหรับผมแล้วมันแตกต่างกันนะครับ ผมอยากคิดค้นกาแฟสูตรดีๆเพื่อคอกาแฟ กาแฟที่ผมเลือกทานจะเป็นกาแฟที่มีเนื้อนุ่ม มี Taste Noseส่วนตัวผมมองว่ากาแฟที่อร่อยที่สุดคือกาแฟที่เราดื่มแล้วเราจดจำได้และอยากจะดื่มแต่รสชาติแบบนี้ต่อไป”

ผู้ชายหมายเลข7 มองโลกผ่านวิวไฟน์เดอร์ เจ้าของผลงานช่างภาพข่าวยอดเยี่ยม3รางวัล คลุกคลีกับวงการสื่อมามากกว่า30ปี