ชมธรรมชาติใจกลางโตเกียว ขอพรศาลเจ้า ที่ขึ้นชื่อเรื่องความรัก | ศาลเจ้าเมจิ

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) ย่านฮาราจูกุ โตเกียว ขึ้นชื่อในเรื่องขอพรด้านความรัก มีธรรมชาติที่สมบูรณ์ ในปีแรกเราไปเที่ยวกับทัวร์ ไม่มีโอกาศเข้าไปภายในศาลเจ้าแห่งนี้ เพราะมีเวลาจำกัด (อย่างน้อย 1 ชั่วโมง อาจพลาดชมสถานที่อื่นที่รออยู่) แต่ในปีต่อๆ มา เที่ยวด้วยตนเอง เราจะปักหมุดศาลเจ้าเมจิไว้ทุกครั้ง เพราะสำหรับเราแล้ว การได้เข้าไปไหว้ขอพร หรือไปทำความเคารพสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของเมืองนั้นๆ ถือเป็นความสบายใจ และความโชคดีอย่างหนึ่ง จึงขอเก็บบรรยากาศและความทรงจำมาเล่า เพื่อจุดประกายให้ใครหลายคนอยากไปสัมผัสดูสักครั้ง (เช้าไหว้ศาลเจ้า สายเดินช้อปย่านฮาราจูกุ)

 

 

ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu) เป็นศาลเจ้าชินโต สร้างเมื่อปี ค.ศ. 1920 (เริ่มสร้างในปี 1915 เสร็จในปี 1920) เพื่ออุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิและสมเด็จพระจักรพรรดินีโชเก็ง ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีอายุจะครบ 100 ปี ในปี ค.ศ.2020 (ตรงกับปีที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิ 2020)

บรรยากาศที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่

สวนป่าที่อยู่ล้อมรอบศาลเจ้า ได้รับการสนับสนุนต้นไม้จากทั่วประเทศญี่ปุ่น จากคาบสมุทรเกาหลี และใต้หวัน จำนวนกว่า 360 สายพันธุ์ (100,000 กว่าต้น) โดยมีอาสาสมัครประมาณกว่า 100,000 คน ช่วยกันปลูกต้นไม้ ในพื้นที่กว่า 700,000 ตารางกิโลเมตร

 

ระหว่างทางมีเรื่องเล่า

ด้านหน้าทางเข้ามีเสาโทริอิขนาดใหญ่ ซึ่งเชื่อว่าตั้งแต่ทางเดินจากจุดนี้จนถึงด้านในอาคารหลักของศาลเจ้า มีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ให้พรเรื่องความรัก ก่อนผ่านเราโค้งคำนับ 1 ครั้ง (เชื่อตามคนอื่น) และก็ขอพรระหว่างเดินเข้าไปภายใน คิดแต่สิ่งดีๆ และสูญหายใจลึกๆ สัมผัสถึงกลิ่นอายธรรมชาติของผืนป่าขนาดใหญ่ที่มีแต่ความร่มรื่น (ทำให้ไม่เหนื่อย แม้ว่าจะเดินไกล)

 

 

จากทางเข้าเสาโทริอิแรก เดินต่อไปไม่ไกล ทางด้านซ้ายมือเป็นถังไวน์ และด้านขวามือเป็นถังเหล้าสาเก ที่มีคนบริจาคให้ศาลเจ้าไว้ใช้สำหรับดื่มเพื่อเป็นศิริมงคลในโอกาสต่างๆ ตั้งเรียงรายอย่างสวยงาม ใกล้ๆ ถึงเหล้าสาเก(ก่อนถึง) บริเวณด้านข้างมีร้านขายอาหาร มีลานจอดรถบัสรับส่งลูกทัวร์ (ปี 2017 ดูเหมือนว่าจะปิดปรับปรุงสถานที่)

ด้านซ้ายมือเป็นถังไวน์

 

ด้านขวามือเป็นถังเหล้าสาเก

 

เดินต่อไปอีกนิด จะเจอโทริอิ เสาที่ 2 เป็นเสาโทริอิขนาดใหญ่ทำจากไม้แท้ๆ อายุกว่า 1,500 ปี (จากใต้หวัน) เชื่อว่าเป็นเขตแดนระหว่างมนุษย์และเทพเจ้า เมื่อจะเข้าผ่านเสาโทริอินี้ ควรเดินตรงขอบทางเดินด้านข้าง เพราะเชื่อว่าตรงกลางของทางเข้าเป็นทางผ่านของเทพเจ้า (ภาพที่แสดงถ่ายตอนออกจากอาคารหลัก)

 

 

ถัดจากเสาโทริอิไปอีกหน่อย ทางด้านขวามือจะมีห้องน้ำไว้บริการ (สะอาดค่ะ)

เดินต่อไปเรื่อยๆ ตามทางเดิน(บังคับเลี้ยวขวา) ก่อนเข้าไปในอาคารหลักของศาลเจ้า ที่บริเวณด้านซ้ายมือจะมีบ่อน้ำสำหรับล้างมือเพื่อเป็นการชำระจิตใจและร่างกายให้สะอาดก่อนจะไปขอพรในศาลเจ้า

 

 

ต่อจากบริเวณนี้เราจะเข้าถึงด้านในที่เป็นอาคารหลักของศาลเจ้าเมจิกันแล้วค่ะ ซึ่งจะต้องผ่านเสาโทริอิ (เสาที่ 3) และรั้วกั้น เราโค้งคำนับ 1 ครั้งก่อนเข้าค่ะ (เห็นคนอื่นทำ ก็เลยทำตาม)

 

 

ทางขวามือจะมีร้านขายเครื่องรางและของที่ระลึก ส่วนใหญ่เป็นเครื่องรางเสริมดวงความรัก (แบบที่ห้อยพวงกุญแจ เราเคยซื้อ)

 

โถงขนาดใหญ่ในอาคารหลักศาลเจ้าเมจิ

เดินผ่านซุ้มประตูทางเข้าอาคารหลักของศาลเจ้าไปจะเป็นลานกว้าง เป็นเหมือนห้องโถงขนาดใหญ่ ที่บริเวณโดยรอบเป็นเหมือนฝาผนังของห้อง มองตรงไปส่วนท้ายของโถง จะเป็นอาคารหลักของศาลเจ้า เราขึ้นไปขอพรศาลเจ้ากันก่อนค่ะ (โยนเหรียญ 5 เยน โค้ง 2 ครั้ง ปรบมือ 2 ครั้ง ไหว้ขอพร โค้ง 1 ครั้ง)

 

 

จากนั้นก็เดินลงมาขอพรที่ต้นไม้คู่ หรือต้นสามีภรรยา ที่อยู่ด้านซ้ายมือ(จากทางเข้าด้านหน้า) เป็นต้นการบูรศักดิ์สิทธิ์ มีเชือกผูกเชื่อมระหว่าง 2 ต้นเข้าด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์แห่งความปรองดองของคู่สามีภารยาและครอบครัว

 

คนญี่ปุ่นนิยมไปขอพรเรื่องความรักกันมากที่สุด ซึ่งเราเคยเห็นพิธีแต่งงานของชาวญี่ปุ่น (2 คู่ในเช้าวันที่ไป) งดงามในแบบฉบับญี่ปุ่นดั้งเดิม ตื่นตา ตื่นใจ ยินดีไปกับเขาด้วย

 

 

ทางด้านขวามือมีซุ้มจำหน่ายแผ่นไม้(ป้าย) ราคาแผ่นละ 500 เยน เพื่อให้เขียนขอพรหรือสิ่งที่เราตั้งใจว่าจะทำ(อยากทำให้สำเร็จ) จากนั้นก็นำไปแขวนตรงที่แขวนที่จัดวางไว้รอบต้นไม้ใหญ่ต้นนี้

 

 

นอกจาก ศาลเจ้าแห่งนี้จะเป็นอีกหนึ่งในศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อในเรื่องขอพรในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก ความปรองดอง แล้ว ภายในสวนป่าขนาดใหญ่แห่งนี้ ยังมีอีก 2 สถานที่น่าสนใจ (ซึ่งเรายังไม่เคยเข้าไปเยี่ยมชม) นั่นก็คือ 1. Treasure Museum พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวและสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเก็ง และ 2. สวนเมจิ (Meiji Jingu Gardens) สวนขนาดใหญ่ ที่มีธรรมชาติสมบูรณ์ มีนกสายพันธุ์ต่างๆ มีสัตว์น้ำนานาชนิด ปลาคราฟ เต่า ตะพาบ และสวนดอกไม้ (ตามฤดูกาล)

 

 

หากใครที่มีโอกาสไปเที่ยวโตเกียว และพอมีเวลา(แบ่งเวลา) ลองแวะไปไหว้ขอพรศาลเจ้าเมจิกันดูนะคะ ขอโชค ขอลาภ ความรักสดใส ครอบครัวสุขสันต์ สัมผัสธรรมชาติสมบูรณ์ อากาศเย็นสบายในป่าใจกลางโตเกียว(ปอดของโตเกียว) …เที่ยวได้ทุกเทศกาลค่ะ

 


ศาลเจ้าเมจิ
ที่อยู่ : 151-0052 Tokyo-to, Shibuya-ku, Yoyogikamizonocho, Japan
โทรศัพท์ : +81 3-3379-5511
Website : http://www.meijijingu.or.jp/english/

เวลาเปิดปิด : เวลา 09.00-16.30 น.

ค่าเข้าชม :
ศาลเจ้าเมจิ : ศาลเจ้าเข้าชมได้ฟรี
Treasure Museum : 500 เยน
สวนเมจิ (Meiji Jingu Gardens) : 500 เยน

การเดินทาง :
นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย Chiyoda หรือ Fukutoshin ลงที่สถานี Meiji-jingumae <Harajuku> Station
นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote ลงที่สถานี Harajuku Station 

แผนที่จากกูเกิล :

 

คลุกคลีอยู่ในวงการสื่อกว่า 26 ปี