อาการปวดที่เข่า ไม่จำเป็นต้องเป็นเข่าเสื่อมเสมอไป และไม่ได้เกิดกับผู้สูงอายุเท่านั้น ทั้งวัยกลางคนนักกีฬา ผู้ที่บาดเจ็บจากการออกกำลังกาย ก็อาจเกิดขึ้นได้เช่นกันโดยจุดเริ่มต้นอาการอาจเริ่มจากปวดหลัง ปวดก้น และลุกลามทำให้เกิดอาการปวดที่เข่า อาการปวดเข่าเช่นนื้ จึงเกิดจากกล้ามเนื้อก้นอ่อนแรงหรือกล้ามเนื้อที่สะโพกไม่สมดุล ดังนั้น เราจึงควรมาทำความรู้จักอาการปวดเข่าในแบบต่างๆ ว่ามีอาการแตกต่างกันอย่างไร เพื่อจะได้หาทางแก้ไขให้ถูกต้นตอของปัญหา
คุณเพ็ญพิชชากร แสนคำ ผู้จัดการคลินิกกายภาพบำบัดอริยะ ได้อธิบายอาการปวดเข่าว่าอาการปวดเข่ามีหลายแบบ ที่พบบ่อยคือ อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อมกล้ามเนื้ออ่อนแรง และกล้ามเนื้อไม่สมดุล ซึ่งลักษณะอาการจะแตกต่างกันคือ อาการปวดเข่าจากเข่าเสื่อม มักจะเกิดขึ้นกับผู้สูงวัยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่พบในผู้มีน้ำหนักตัวมากลักษณะอาการที่แสดงว่าเป็นโรคเข่าเสื่อม คือ
- มีอาการปวดเข่า โดยปกติจะปวดเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือมีการเดินลงน้ำหนัก เมื่อพักจะดีขึ้นหากเป็นมากจะปวดตลอดเวลา
- ข้อติดแข็ง ส่วนมากจะพบในตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆหรือเมื่อพักในท่าใดท่าหนึ่งนานๆต่อเนื่องโดยไม่ได้ขยับ
- บวมรอบข้ออาจพบร่วมกับอาการแดงและร้อนเมื่อลองคลำบริเวณรอบเข่า
- มีการผิดรูปของข้อเข่า ซึ่งเกิดจากผิวข้อ (Cartilage) บางลงแล้วตัวของกระดูกมีการเสียดสีกันจนเกิดกระดูกงอก ทำให้เข่าผิดรูปและขยายซึ่งพบว่าผู้ที่มีเข่าเสื่อมอย่างรุนแรง รอบข้อเข่าจะใหญ่ขึ้น
- มีเสียงดังภายในข้อเข่า ซึ่งเสียงที่เกิดขึ้นอาจมาจากการเสียดสีของผิวข้อภายในข้อเข่า
อาการปวดเข่าจากกล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุลกัน มักจะเกิดขึ้นกับนักกีฬาบางประเภท ที่ต้องใช้เข่ารับน้ำหนักมาก เช่น นักวิ่ง นักปั่นจักรยาน นักบาสเกตบอล นักฟุตบอล นักกอล์ฟ ฯลฯ ลักษณะอาการ คือ
- อาการปวดจะปวดเสียวแปล๊บๆ ด้านนอกหรือด้านในของข้อหรือไม่ก็ด้านหน้าเข่าใต้ลูกสะบ้าไม่ได้ปวดลึกๆ ลงไปในข้อเข่า
- อาการปวดมักร่วมกับอาการตึงร้าวจากต้นขาหรือข้อสะโพก
- อาการปวดจะชัดเจน หลังจากที่เล่นกีฬาหรือออกกำลังกายมา
อาการปวดเข่าจากกล้ามเนื้ออ่อนแรง มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ขาดการออกกำลังกาย ทำงานอยู่ในท่าเดิมซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน และอยู่ในอิริยาบถเดิมๆ เช่น นั่งต่อเนื่องนานๆ และหากอยู่ในอิริยาบถที่ผิดแล้วด้วย ก็มักทำให้เกิดอาการปวดได้ง่าย ลักษณะอาการสำหรับกลุ่มนี้อาการปวดมักจะชัดเจนในขณะที่ต้องอยู่ในท่าทางเดิมต่อเนื่องนานๆอาการจะดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนอิริยาบถมีอาการปวดแบบล้าๆ เมื่อยๆ ไปทั้งขา มักเกิดร่วมกับอาการปวดกล้ามเนื้อก้น ปวดข้อเท้าหรือน่องดังนั้นเมื่อมีอาการปวดเข่า ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดควรดูแลตนเองเบื้องต้นด้วยวิธีนี้ดังต่อไปนี้
- เมื่อเริ่มมีอาการปวดเข่า ให้สังเกตว่ามีอาการบวมแดงร้อนหรือไม่ หากมี ในวันแรกของอาการปวดควรประคบด้วยแผ่นเย็น และวางพาดขาให้สูง
- ท่าทางใดที่ทำให้ปวดควรหยุดทำท่านั้นๆ ก่อนจนกว่าอาการจะหายดี
- หลีกเลี่ยงการยืน เดินนานๆเพราะจะทำให้เข่าต้องรับน้ำหนักตัวตลอดเวลา และเพิ่มอาการบาดเจ็บมากขึ้น
หากดูแลตัวเองตามที่แนะนำข้างต้นแล้วภายใน 3-5 วันอาการไม่ดีขึ้นควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ก่อนที่อาการจะลุกลามค่ะ