ฮาโกเน่ เมืองเล็กๆ ไปแล้ว จะหลงรัก

ฮาโกเน่ เมืองเล็กๆ แต่กิจกรรมและธรรมชาติ ไม่เล็กอย่างที่คิด ไปแล้ว จะหลงรัก

ฮาโกเน่ (Hakone) เมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในจังหวัดคานางาวะ ประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงโตเกียว นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกลับได้อย่างง่ายดายด้วย Hakone Free Pass (ฮาโกเน่ฟรีพาส) และเราคือหนึ่งในนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวชมทิวทัศน์ที่สวยงาม นั่งกระเช้า ชิมไข่ดำที่เชื่อว่าอายุจะยืนยาวอีก 7 ปี ล่องเรือโจรสลัด ชมทะเทสาบอาชิ ด้วย Hakone Free Pass ซึ่งพาสนี้ที่ครอบคลุมทุกอย่างในเส้นทางท่องเที่ยวฮาโกเน่ (เราไม่ได้จองล่วงหน้า) ไปซื้อที่สถานีชินจูกุกันเลยค่ะ ซื้อแบบ 2 วัน ราคา 5,140 เยน ออกเดินทางจากชินจูกุเที่ยวประมาณ 6 โมงเช้า(กว่าๆ) ส่วนขากลับเดินทางถึงโตเกียว(ชินจูกุ)ประมาณ 2 ทุ่ม … ถึงแม้จะเป็นเมืองเล็กๆ แต่กิจกรรมและธรรมชาตินั้น ไม่เล็กอย่างที่คิด 

วิธีการเดินทางของเราเป็นแบบนี้ค่ะ

เราเดินทางโดยรถไฟธรรมดา ไม่ได้นั่ง Romance Car ช้าหน่อยไม่เป็นไร อยากดู อยากสัมผัสวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คน ตลอดการเดินทาง ซึ่งสิ่งที่ได้เห็นไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ชาวบ้าน คนทำงาน ที่ร่วมเดินทางในรถไฟขบวนเดียวกับเรา รวมถึงทิวทัศน์ของทุ่งนา ป่า เขา ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน(ในบ้านเรา) เป็นภาพที่น่าจดจำ และประทับใจไม่รู้ลืม

การเดินทางจากสถานีชินจูกุ (Shinjuku) ถึงสถานีโอดาวาระ (Odawara) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้นก็นั่งรถไฟอีกสายต่อไปประมาณ 15 นาที (มีนักท่องเที่ยวเยอะไม่ต้องกลัวหลง ตามเขาไป) ลงที่สถานีฮาโกเน่-ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto) แต่ถ้าใครเดินทางโดย Romancar รถไฟจะมาจอดที่สถานีนี้เลยค่ะ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าๆ จากชินจูกุ

จากนั้นก็นั่งรถไฟสายฮาโกเน่โทซัง (Hakone Tozan Train) เป็นรถไฟท่องเที่ยวสีแดงสดใส ที่วิ่งผ่านทิวทัศน์อันสวยงามสองข้างทางบนภูเขาไปยังสถานีโกระ (Gora) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที

จากสถานี Gora เราจะนั่งรถรางสายฮาโกเน่โทซัง (Hakone Tozan Cable Car) ไปขึ้นกระเช้าที่สถานีโซอุนซัง (Sounsan) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที ไม่ค่อยมีที่นั่ง คนค่อนข้างเยอะ ยืนกันเต็มรถเลยค่ะ ยังดีที่ไปไม่ไกล ยืนนิดยืนหน่อยไม่ทันเมื่อย !

นั่งกระเช้าผ่านหุบเขา ไปกินไข่ดำที่หุบเขาโอวาคุดานิ

จากสถานีโซอุนซัง (Sounzan) เรานั่งกระเช้าลอยฟ้าสายฮาโกเน่ (Hakone Ropeway) ไปลงที่สถานีโอวากุดานิ (Owakudani) ผ่านธรรมชาติสองข้างทางที่เป็นทั้งหุบเขา และป่าไม้ ดูสบายตา ถ่ายรูปกันเพลิน ไม่นานก็ถึง … หุบเขาโอวากุดานิ (Owakudani) หรือ หุบเขานรก

ก่อนที่จะไปชิมไข่ดำ และชมธรรมชาติ เรามีเกร็ดความรู้ตำนานไข่ดำมาเล่าค่ะ

หุบเขาโอวาคุดานิแห่งนี้ ด้านบนที่มีควันพวยพุ่งฟุ้งกระจายออกมาจากรอยแยกของแผ่นดินนั้น เป็นเพราะมีบ่อน้ำแร่ที่อุดมไปด้วยแร่กำมะถันที่สามารถต้มไข่ให้สุกได้ ส่วนที่เปลือกไข่เป็นสีดำก็มาจากน้ำร้อนที่มีแร่กำมะถัน(เข้มข้น)ปะปนอยู่ จึงทำให้เปลือกไข่มีสีดำ

เชื่อกันว่า ถ้าได้กินไข่ดำ 1 ฟองจะมีอายุยืนยาวอีก 7 ปี … ทำไมจึงเชื่อเช่นนั้น ?

ตามตำนาน นานมาแล้ว(ญี่ปุ่นโบราณ) มีชายชราคนหนึ่งป่วยหนัก หมอไม่สามารถรักษาให้หายได้ และอาจตายในไม่ช้า ลูกชาย ผู้กตัญญู ได้พยายามหาวิธีที่จะมาช่วยรักษา จนทราบว่าที่หุบเขาโอวาคุดานิ มียาวิเศษ เขาจึงได้ไปที่หุบเขาแห่งนั้น และได้พบกับชายชราคนหนึ่ง ซึ่งเขาได้ทำให้ชายชราผู้นั้นตกใจ จนทำสิ่งของบางอย่างตกลงไปในบ่อน้ำที่มีควันพวยพุ่ง …

เขาได้ถามชายชราถึงยาวิเศษเพื่อนำไปรักษาพ่อของเขา ชายชราได้ชี้มือไปทางบ่อน้ำที่ทำของบางอย่างตกลงไปนั่นแหละ เขาจึงกระโดดลงไปในบ่อ และได้ไข่ดำขึ้นมา 1 ฟอง เขาจึงนำกลับไปให้พ่อของเขากิน… ปาฏิหาริย์มีจริง(ยาวิเศษ) หลังจากนั้นพ่อของเขาก็หายจากอาการป่วย และมีอายุยืนยาวมาได้อีก 7 ปี

นั่นคือที่มา ว่า กินไข่ดำแล้วอายุจะยืนยาวอีก 7 ปี เราก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เชื่อตามเขา ไปกินไข่ดำกันค่ะ

ซื้อไข่ดำต้มสุกแล้วจากร้านค้ามา 1 ถุงๆ ละ 500 เยน มีไข่ดำ 5 ลูก ปอกเปลือกออกมา จะเป็นสีขาวปกติของไข่ต้มทั่วไป แต่ที่พิเศษกว่าคือเปลือกสีดำ กับเชื่อกันว่ากินแล้วอายุยืนยาวอีก 7 ปี ก็แค่นั้น(ละมัง) … ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ไม่กินไม่ได้นะคะ ต้องลองค่ะ

ถ่ายรูป เดินชมวิว ไหว้ศาลเจ้า เข้าร้านขายสินค้าพื้นเมืองที่มีทั้งของกิน ของฝาก ของที่ระลึก ไม่ว่าจะเป็นสบู่ดำ แชมพูดำ โฟมล้างหน้า ผลิตภัณฑ์จากกำมะถันที่คนญี่ปุ่นเชื่อว่าบำรุงผิวพรรณและเส้นผมได้ดี ส่วนคิตตี้ไข่ดำ เป็นสินค้าโอทอปอีกหนึ่งอย่างที่เห็นได้จากที่นี่ ขนมสารพัดอย่างดูน่ากินไปเสียหมด แต่ต้องอดใจ เพราะเดี๋ยวจะไปต่อที่อื่นกันค่ะ

ipp
นั่งเรือโจรสลัด ชมทะเลสาบอาชิ

จากสถานีโอวากุดานิ (Owakudani) เราจะนั่งกระเช้าไปลงที่ท่าเรือโทเง็นได (Togendai-ko) เมื่อถึงสถานีกระเช้า เราก็เดินลงไปตามทางเชื่อม ผ่านห้องขายตั๋ว แต่เราใช้พาส เพียงแค่ต่อแถว เดินตามเขาไป เพื่อลงไปนั่งเรือโจรสลัด

เราไม่ได้ซื้อตั๋วเพิ่มเพื่อเข้าไปนั่งในโซน First Class (จ่ายเพิ่ม 400 เยน) นั่งโซนธรรมดา แต่ก็เดินขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าได้ เห็นวิว เห็นธรรมชาติสองข้างทาง ภูเขาไฟฟูจิ ศาลเจ้าฮาโกเน่จินจะ (Hakone-jinja Shrine) ศาลเจ้ากลางน้ำในทะเลสาบอาชิ ไม่นาน(เพลินๆ) ก็ถึงท่าเรือปลายทาง ฮาโกเน่-มาจิ (Hakonemachi-ko) …เราไม่ได้แวะท่าเรือโมโตะ-ฮาโกเน่ (Motohakone-ko) เลยค่ะ เสียดายจัง อดถ่ายรูปกับประตูโทริอิสีแดง

เดินชมท่าเรือฮาโกเน่-มาจิ (ไม่มีอะไรมาก เงียบๆ) ก่อนที่จะออกมารอรถบัสที่ลานจอดรถด้านหน้า ต้องแสดงพาสให้คนขับดูก่อนว่ารถคันนี้ใช่คันที่จะไปสถานีปลายทางคือสถานี ฮาโกเน่-ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto) หรือไม่ ถ้าไม่ใช่เขาก็จะบอกว่าให้รอตรงจุดไหน เมื่อถึงสถานีฮาโกเน่-ยุโมโตะ (Hakone-Yumoto) ก็นั่งรถไฟไปลงที่สถานีโอดาวาระ (Odawara)

เราถึงสถานีโอดาวาระ เย็นมากแล้ว กว่าจะถึงชินจูกุก็ประมาณ 2 ทุ่ม กลับที่พักนอนเอาแรงไว้เที่ยวต่อ …

จบทริปฮาโกเน่แล้วค่ะ …ทริปนี้อาจจะเที่ยวได้ไม่ครบ แต่ 3 ไฮไลท์หลักๆ ที่เราวางแผนไว้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ได้นั่งกระเช้าชมวิว กินไข่ดำ นั่งเรือโจรสลัด ได้ถ่ายรูปสะพานแดง กับสิ่งดีๆ เกิดขึ้นมากมายระหว่างเส้นทางการท่องเที่ยวในวันนี้ ก็เลยอยากเชิญชวนให้ใครหลายคนที่คิดจะพักด้วยการท่องเที่ยวแล้วละก็ ลองปักหมุด Hakone ไว้ในแผนการท่องเที่ยวสักหนึ่งสถานที่สิคะ

——————————–

ความคิดเห็นเล็กๆ

* เที่ยว Hakone ควรวางแผนการเที่ยว เพราะเส้นทางใน Hakone ลักษณะการท่องเที่ยวเป็นแบบวงกลม จะเที่ยววนซ้าย หรือ วนขวาก็ได้ แต่ต้องกำหนดเวลาให้ดีๆ บางเส้นทางรถบัสมีไม่กี่เที่ยว ถ้าไปไม่ตรงเวลาอาจจะรอรถนาน พลาดชมหลายจุด ทำให้มีเวลาเที่ยวแต่ละสถานที่น้อยลง …ตารางรถไฟ รถบัสสายต่างๆ จะมีให้ตอนที่ซื้อตั๋ว ดูและทำความเข้าใจไว้ก่อนนะคะ

จะวนซ้ายหรือวนขวาดีล่ะ ลองตัดสินใจดูค่ะ
  • วนขวา (แผนการเที่ยวของเราค่ะ) เราพลาดจุดสำคัญๆ หลายจุด เสียเวลาด้วยค่ะ (ไม่ได้กำหนดเวลาดี)  …เริ่มจาก Odawaru (เรานั่งรถธรรมดาจากชินจูกุ) –>นั่งรถไฟไปลงสถานี Hakone-Yumoto –> นั่งรถไฟสายสีแดงลงสถานี Gora –> นั่งรถรางลงสถานี Sounsan –> นั่งกระเช้าลงสถานี Owakudani (กินไข่ดำ) –> นั่งกระเช้าไปท่าเรือ Togendai-ko –> ลงเรือโจรสลัดที่ท่าเรือ Hakonemachi-ko (ท่าเรือนี้ ในความรู้สึกบอกว่าไม่ค่อยน่าสนใจ) –> นั่งรถบัส สาย H หรือ R (เหนื่อยล้า เวียนหัวจัง) ไปลงที่สถานี Hakone-Yumoto –> นั่งรถไฟต่อไปที่สถานี Odawaru –> ชินจูกุ )
  •  วนซ้าย ที่อยากแนะนำ  อาจจะวางแผนประมาณนี้ก็ได้ค่ะ …เริ่มที่สถานี Hakone-Yumoto เป็นสถานีเริ่มต้นของทุกคนที่เดินทางทั้งมารถธรรมดา และ Romance Car จะมาต่อรถไฟ หรือ รถบัสที่นี้  …(ชมลำธาร เดินสะพานแดง ก่อนก็ได้) –> ขึ้นรถบัส(สาย H หรือ K)ไปที่ท่าเรือ Motohakone-ko (ประตูโทริอิสีแดง น่าถ่ายภาพ) –> นั่งเรือโจรสลัดไปลงที่ท่าเรือ Togendai-ko –> นั่งกระเช้าไปลงที่ Owakudani ชิมไข่ดำที่หุบเขานรก –> นั่งกระเช้าไปที่ Sounzan เพื่อนั่ง Cable Car ไป Gora sta. –> นั่งรถไฟสายสีแดงไปลง Odawaru (ถ้านั่ง Romance Car ลงที่สถานี Hakone-Yumoto) –> ชินจูกุ… วางแผนเที่ยวแต่ละสถานที่สัก 1 ชั่วโมงก็น่าจะพอแล้วค่ะ
  • ถ้าใครมีเวลาอยากจะเที่ยว โกเทมบะ พรีเมี่ยม เอ้าท์เลต (Gotemba Premium Outlets) จะมีรถบัสสาย S จาก Gora ไปลง Outlet ได้ค่ะ และถ้าจะกลับก็นั่งรถบัสสาย S (วิ่งทุกชั่วโมง) กลับมา Gora แล้วต่อรถไฟไป Odawaru แต่ถ้าใครนั่่ง Romance Car ก็ลงที่ Hakone-Yumoto เพื่อกลับชินจูกุ ได้เลยค่ะ

(ลองดูค่ะ เป็นทางเลือกในการตัดสินใจ …เรือโจรสลัด ถ้าใครมีเวลา ลองนั่งวนให้ครบทั้ง 3 ท่าก็ไม่มีใครว่า เพราะเรามีพาส)

ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่นะคะ https://www.hakonenavi.jp/thai/

 

คลุกคลีอยู่ในวงการสื่อกว่า 26 ปี