เที่ยว ภูเขาทอง สถาปัตยกรรมไทย สมัยรัตนโกสินทร์

ชมสถาปัตยกรรมไทยสมัยรัตนโกสินทร์ “ภูเขาทอง” วัดสระเกศ ใจกลางกรุงเทพฯ

     ภูเขาทอง ในความทรงจำที่เคยมี คือ เจดีย์สูงสีเหลือง(ทอง)อร่ามอยู่บนยอดภูเขา(จำลอง)ใจกลางกรุงเทพฯ หรืออีกชื่อหนึ่งที่เรียกขานมานานก็คือ พระบรมบรรพต เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ (สมัยรัชกาลที่ 3) มีอายุกว่า 200 ปี ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ ภายในพระเจดีย์ภูเขาทองเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และเปิดให้ประชาชน หรือนักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปมนัสการ  เราคือหนึ่งนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไปเที่ยวชมภูเขาทองกันในวันนี้ค่ะ (บ่ายวันอาทิตย์ ที่ 29 เม.ย.2561) ภายในบริเวณพื้นที่โดยรอบฐานภูเขาทอง มีที่จอดรถฟรีไม่เกิน 3 ชั่วโมง เรานำรถไปจอดไว้บริเวณที่วัดจัดไว้ เดินไม่ไกล จุดหมายต่อไปคือชั้นบนสุดของภูเขาทองที่เคยได้ยินคำเล่าขานมานานว่า มีบันไดสูงกว่า 200 ขั้น (ได้ยินแล้วท้อ) วันนี้มาดูกันว่าจะเป็นอย่างไร (อยู่กรุงเทพฯมากว่า 30 ปี เพิ่งได้มาเป็นครั้งแรก) ตามมาเที่ยวภูเขาทองด้วยกันเลยค่ะ …

 

บังเอิญว่าเราจอดรถตรงบริเวณ ถ้ำพระ จึงขอเข้าไปชม และไหว้พระกันก่อน ภายในถ้ำเล็กๆ มีพระพุทธรูปมากมาย บริจาคเงินบูชาธูปเทียน 20 บาท ไหว้ขอพรพระพุทธรูปกว่าร้อยองค์ และสักการะหลวงพ่อตะเคียนทอง ก่อนเดินไปบริเวณทางขึ้นภูเขาทอง …ไม่ไกล 

 

ระหว่างทางเดิน ด้านริมกำแพงมีเก้าอี้ให้นั่งพัก หลังคาประดับด้วยไม้เลื่อย มีไอน้ำพ่นออกมาจากท่อเล็กๆ เพื่อให้ความเย็น ท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย หลายคนนั่งผ่อนคลายตามอัธยาศัย

เดินกันต่อไปค่ะ ใกล้ถึงทางขึ้นภูเขาทองกันแล้ว แต่ก่อนจะขึ้นไปด้านบน หยุดถ่ายรูปแล้วจึงเดินต่อ บันไดแต่ละขั้น ไม่สูงมาก เดินสบายๆ ผ่านบริเวณจุดพักแรกของบันได ด้านขวามือ เป็นร้านขายกาแฟชื่อ GOLDEN MOUNT COFFEE เราไม่ได้เข้าไปลองชิมกาแฟกันค่ะ

 

เดินขึ้นบันไดต่อไปอีกหนึ่งจุดพัก มีระฆังแขวนไว้ให้ได้เคาะเสียงดังกังวาน มีฆ้องให้ตี มีเก้าอี้ให้นั่งพักเหนื่อยก่อนเดินต่อ แต่ถ้าใครอยากสวย อยากงามก็ต้องกวาดวิหารลานเจดีย์กันก่อนค่ะ มีไม้กวาดกับที่เก็บขยะ ตั้งอยู่ที่บริเวณจุดพักนี้

 

เดินขึ้นไปอีก 1 จุดพัก จุดนี้ ไม่มีใครเดินเข้าไปนั่งพัก เป็นบริเวณโล่ง มีเก้าอี้ ไม่มีต้นไม้ ให้หลบร้อน จึงได้แต่ถ่ายรูป แล้วเดินขึ้นไปต่ออีกจุด จุดนี้มีระฆังให้เคาะ ถ่ายภาพมุมสูงมองไปเป็นวิววัดสระเกตุ … ไม่มีอะไรมาก เดินกันต่อ

 

ก่อนที่จะขึ้นไปด้านบนสุดของเจดีย์ เราแวะไหว้กันก่อนค่ะ พระพุทธรูปด้านหน้าเมื่อผ่านเข้าไปภายใน ถัดไปเป็นพระพุทธปรินิพพาน มีจุดจำหน่ายบูชาดอกไม้ ธูป เทียน ทอง ชุดละ 20 บาท จากนั้นจะเป็นจุดสำคัญที่อยู่บริเวณตรงกลางของเจดีย์ มีบันไดให้ขึ้นไปไหว้บูชาพระบรมสารีริกธาตุที่อยู่ในเจดีย์เล็กๆ มีประตูเข้า 4 ด้าน ทุกด้านจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ (เราไหว้ด้านเดียว)

พระบรมสารีริกธาตุ

พระพุทธปรินิพพาน

เดินชมบริเวณโดยรอบ ทำบุญ ยกช้าง เสี่ยงทาย ถ่ายรูปพระบรมสารีริกธาตุจากกล้องวงจรปิดก่อนที่จะไปชั้นบน ที่เรียกว่า ชั้นสวรรค์ (ทำบุญใส่ตู้) เดินขึ้นบันไดแคบๆ แอบคิดว่า ทางขึ้นสวรรค์เล็กจัง ขึ้นยาก ลำบากพอควร ระวังศีรษะด้วยค่ะ

พระบรมสารีริกธาตุ (ถ่ายจากกล้องวงจรปิด)

ถึงชั้นสวรรค์กันแล้ว สิ่งแรกที่ทำคือไหว้พระบรมสารีริกธาตุกันค่ะ มีคำกราบบูชาตั้งไว้ทั้ง 4 ด้าน เสร็จแล้วก็เดินชมไปบริเวณโดยรอบ(วนไปทางขวา) ทำบุญสลักชื่อบนผ้าสีแดง เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว

ถัดไปมีบาตรขนาดใหญ่(สีเงิน) เขียนไว้ว่า หมุด…สะดือเมือง ปรารถนาความสำเร็จ บ้าน ที่ดิน อธิฐานตามความต้องการ นำโฉนดที่ดินใส่ในบาตรนี้ สาธุ… (เข้าใจว่าน่าจะถ่ายเอกสารไหมนะ ไม่ได้ถามเจ้าหน้าที่) และใกล้กันมีหินสีดำตั้งอยู่ เขียนข้อความไว้ว่า หมุดโฉนดที่ดิน สะดือเมือง ที่ด้านหน้ามีกระดาษโฉนดวางไว้ มีเงิน(เหรียญชนิดต่างๆ)จากผู้ศรัทธาโยนไว้บนโฉนดนั้น เราขออธิฐานด้วยคนค่ะ โยนเหรียญให้อยู่บนโฉนด ก่อนที่จะเดินต่ออีกนิด

 

สำหรับผู้ที่จะห่มผ้าแดงรอบองค์พระบรมบรรพต ที่บริเวณด้านล่างก่อนขึ้นมาสู่ชั้นสวรรค์ มีร้านขายของ ราคาผ้าห่มเจดีย์ 100 บาท นอกจากนี้ยังมีเครื่องบูชาสารพัด รวมถึงน้ำดื่ม และไอศกรีม ไว้บริการนักท่องเที่ยว

เชื่อกันว่าการได้จับผ้าแดงขึ้นไปห่มองค์พระเจดีย์ที่มีพระบรมสารีริกธาตุอยู่ข้างใน เป็นเหมือนกับการได้ถวายจีวรแด่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ซึ่งในระหว่างการเดินชม ได้มีผู้ศรัทธา เดินถือผ้าแดง วนรอบองค์พระบรมบรรพต (เข้าใจว่า 3 รอบ) จากนั้นก็นำไปห่มที่องค์พระเจดีย์ อย่างต่อเนื่อง

 

ได้เวลากลับแล้วค่ะ มีทางลงอีกด้านหนึ่ง ตรงข้ามกับทางด้านที่ขึ้นสวรรค์ เดินลงไปเรื่อยๆ(เร็วกว่าขาขึ้น) แดดร้อนมากๆ ระหว่างทางลงจะมีจุดพักซึ่งเราได้เข้าไปไหว้สักการะพระพุทธรูปหล่อหลวงพ่อโตที่ประดิษฐานอยู่ในศาลา(เล็ก) และที่ด้านหลังมีลานรูปปั้นของแร้ง และรูปปั้นร่างไร้วิญญาณของศพที่เสียชีวิตจากการระบาดของโรคห่า(อหิวาตกโรค)ในสมัยนั้น(ตำนานแร้งวัดสระเกศชวนค้นหา)

เดินลงมาเรื่อยๆ จะมีพระพุทธรูปตั้งประดิษฐานในศาลาแต่ละจุดพัก ซึ่งเราไม่ได้แวะเข้าไปไหว้ ได้เพียงแค่ถ่ายรูป และเดินต่อจนถึงพื้นด้านล่าง บริเวณนี้จะมีห้องน้ำไว้บริการนักท่องเที่ยว เดินวนไปทางขวา จะไปบรรจบกับทางขึ้น เราเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงบริเวณที่จอดรถไว้

จบการเที่ยวชมภูเขาทองแล้วค่ะ หากใครมีโอกาสลองแวะไปสักการะพระบรมสารีริกธาตุสักครั้งสิคะ แม้จะเดินขึ้นบันได พอให้ได้เหงื่อ แต่ก็มีความสุขค่ะ

————————-
* ภูเขาทอง วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร
ที่อยู่ : 344 ถนนจักรพรรดิพงษ์ แขวงบ้านบาตร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ 10100

* เวลาเปิด ปิด : เปิดทุกวัน เวลา 08.00 น. – 17.00 น.

* การเดินทาง :
– รถประจำทาง สาย 8, 15, 37, 47, 49 ปอ.37, 49 หรือนั่งเรือโดยสารคลองแสนแสบ ลงท่าผ่านฟ้าลีลาศ เดินไปวัดศระเกศไม่ไกล
– ขับรถไปเอง แนะนำให้เปิดกูเกิลแมพค่ะ (เริ่มต้นจากตำแหน่งที่อยู่) … ทางเข้าวัดอยู่ติดกับโรงเรียนวัดสระเกศ

* แผนที่จากกูเกิลแมพ

คลุกคลีอยู่ในวงการสื่อกว่า 26 ปี