หากยังจำกันได้ ละครเรื่อง “รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน” และ “รอยฝันตะวันเดือด” ยกกองไปถ่ายทำกันถึงประเทศญี่ปุ่น และเกือบทุกพื้นที่ของจังหวัดชิบะ ใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละคร หนึ่งในสถานที่สำคัญคือ วัดนาริตะ
ภาพความสวยงามของฉากในละคร ได้จุดประกายความยากรู้ อยากเห็น และอยากสัมผัส ขึ้นมาในใจของเราตั้งแต่ครั้งนั้น ไม่เพียงสถานที่เท่านั้นที่เราประทับใจ แต่เรายังหลงใหลในความน่ารักของตัวละคร อีกทั้งภาษา(พูด)ที่ใช้สื่อสารช่างโดนใจยิ่งนัก …เมื่อโอกาสมาถึง ครั้งไปเที่ยวญี่ปุ่น เราไม่พลาดที่จะแวะเที่ยววัดนาริตะ … ตามไปเที่ยวด้วยกันค่ะ
ทำความรู้จักกับวัดนาริตะกันสักนิด
วัดนาริตะ หรือชื่อเต็มคือ วัดนาริตะซัง ชินโชจิ (Naritasan Shinshoji Temple) เป็นวัดพุทธเก่าแก่ อายุกว่า 1,000 ปี (ค.ศ.939) สร้างโดยพระนิกายชินงอน (Shingon) ภายในวัดมีพื้นที่กว้างขวาง ประกอบไปด้วยโบสถ์(3 หลัง) เจดีย์ 3 ชั้น เจดีย์ 5 ชั้น สวนญี่ปุ่นและสวนยุโรป(ธรรมชาติอันงดงามและร่มรื่น) วัดนี้ได้รับความศรัทธาจากชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ ประชาชนต่างหลั่งไหลมาขอพรเทพเจ้าฟุโดเมียวโอ
เทพเจ้าฟุโดเมียวโอ หรือเทพเจ้าแห่งไฟ ที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ (ขอพรให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุต่างๆ) ลักษณะองค์สีดำ หน้าตาดุ มุมปากมีเขี้ยวสองข้าง(เหมือนยักษ์) มือขวาถือดาบ(ปราบสิ่งชั่วร้าย) มือซ้ายถือเชือก(จับมัดสิ่งชั่วร้าย) ด้านหลังล้อมรอบด้วยเปลวไฟ …ตำนานเทพเจ้าฟุโดเมียวโอ ชวนค้นหาค่ะ
วิธีการเดินทางของเราเป็นอย่างนี้ค่ะ … เราเดินทางจากโตเกียวไปสนามบินนาริตะ ตั้งแต่เช้ากันเลยค่ะ เพื่อนำ กระเป๋าไปฝากในล็อกเกอร์ที่สนามบิน
หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วรถไฟ ไปลงสถานีนาริตะ เดินต่ออีกอึดใจ กูเกิลแมพพาไปค่ะ …ในความรู้สึกบอกว่าไกล(กว่าครั้งแรกที่เคยเดินผ่านร้านค้าสองข้างทาง) ยิ่งเดินไกลออกไป ก็ไม่ปรากฏร้านค้าให้เห็นเลยทั้งสองข้างทาง จะถอยกลับก็ไม่ได้แล้ว จำใจต้องเดินต่อ มีรถวิ่งผ่านเป็นระยะ(ไม่มาก) ผู้คนสัญจรน้อย ผ่านอุโมงค์ เดินต่อไปเรื่อยๆ มองเห็นทางเข้าวัดไกลๆ เริ่มผ่านร้านค้าที่เรียงราย แต่ไม่ได้แวะซื้ออะไรกันเลย อยากให้ถึงวัดเร็วๆ … ถึงแล้วเข้า (ครั้งนี้เราเดินกันมาอีกทาง แทนที่จะเข้าวัดทางด้านซ้าย(เหมือนครั้งก่อน)ก็มาเข้าทางด้านขวา(ทิศทางตรงข้ามกัน) ไม่เป็นไร ไกลหน่อย แต่ก็ถึงเหมือนกัน
เราเดินผ่านประตูด้านหน้าที่เรียกว่า Somon (main gate) ไปเรื่อยๆ จะมีร้านขายเครื่องรางต่างๆ ทางด้านขวามือ (ร้านปิด) และด้านหลังถัดไปก็มีร้านขายเครื่องรางเหมือนกัน(มีบางร้านเปิดขาย)
เดินต่อไปอีกนิด ด้านขวามือจะมีบ่อน้ำล้างมือ เราขอล้างมือก่อนค่ะ เสร็จแล้วก็ขึ้นบันไดไปยังบริเวณ Niomon Gate ซึ่งมีโคมกระดาษสีแดงขนาดใหญ่ (ขอถ่ายรูปก่อนนะคะ) มองไปทางด้านข้างประตูจะเห็นรองเท้าฟางแขวนอยู่ ซึ่งเป็นรองเท้าของผู้เดินทางแสวงบุญค่ะ
บริเวณนี้เรียกว่า Great Main Hall (ถัดจากประตูโคมแดง) มองตรงไปจะเห็นโบสถ์หลัก (โบสถ์ไดฮนโด) เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ สามารถเข้าไปสักการะเทพฟุโดเมียวโอ (เทพเจ้าแห่งไฟ) ที่ประดิษฐานอยู่ภายในได้
มองไปทางด้านขวามือจะเป็นที่ตั้งของเจดีย์สีแดง 3 ชั้นที่เรียกว่า Three-story Pagoda สร้างในสมัยเอโดะ
ฉากหนึ่งในละครที่โรแมนติก !
ก่อนถึงโบสถ์หลัก จะมีกระถางธูปตั้งอยู่ค่ะ เรามาจุดธูป(กวักควัน)อธิฐานขอพรกันก่อนที่จะขึ้นไปไหว้(โยนเหรียญ)ที่ด้านหน้าโบสถ์หลัก …ฉากโรแมนติกที่เราจะพูดถึงก็คือ ตอนที่(17) ทาเคชิ กับเซโกะ ได้มาจุดธูปไหว้ขอพร คือกระถางธูปที่ตั้งอยู่หน้าโบสถ์หลักนี่แหละค่ะ (แวะเที่ยววัดนาริตะก่อนไปฮันนีมูนต่อที่อื่น) น่ารักจัง !
ส่วนด้านซ้ายจะเป็นร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก ถัดไปอีก(ซ้ายมือ) จะเจอกับวงเวียนดอกไม้(เดี๋ยวเราจะกลับมาถ่ายรูป) และมองไกลออกไปอีกนิดจะเห็น Shakado Hall หรือโบสถ์ชากะโด ซึ่งอดีตเคยเป็นโบสถ์หลัก แต่ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูป
เดินขึ้นบันไดไปค่ะ (บันไดนี้ทาเคชิ และเซโกะ เดินลงไปชมดอกไม้ ถ่ายรูป บริเวณลานวงเวียนดอกไม้ แต่ดอกไม้ที่เขาเดินชมนั้นจะเป็นซุ้มมีหลังคา คงเป็นฉากในละครละมัง?) … มองตรงไป(ทางด้านซ้าย)จะเห็นโบสถ์ตั้งอยู่ เรียกว่า Komyodo Hall คือโบสถ์โคเมียวโด เป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของวัด สร้างเป็นอันดับแรกก่อน 2 โบสถ์ที่กล่าวมาแล้ว ส่วนดาบที่เห็นแขวนอยู่ด้านบนนั้นเป็นดาบของเทพเจ้าฟุโดเมียวโอ ซึ่งมีความหมายนัยๆ ว่า ช่วยให้ตัดสินใจเด็ดขาด ตัดความลังเลออกจากใจ ตัดสิ่งชั่วร้ายออกไป ฯ …เราเข้าไปไหว้ขอพรด้วยค่ะ
จุดหมายต่อไป เจดีย์ 5 ชั้นที่เรียกว่า Great Peace Pagoda
เดินต่อไปเรื่อยๆ ค่ะ ก่อนที่จะถึง Great Peace Pagoda ทางด้านขวามือจะมีบ่อน้ำล้างมือ เราขอแวะล้างมือก่อนนะ เดี๋ยวค่อยเดินต่อ (อีกนิดเดียว) … เราต้องขึ้นไปไหว้ที่ด้านบนค่ะ เดินขึ้นบันไดไปจมีกระถางธูปให้เราจุดไหว้ขอพรเทพเจ้าฟุโดเมียวโอที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์นี้กันค่ะ ไหว้เสร็จแล้วขอถ่ายรูปก่อนที่จะลงไปด้านล่าง
บริเวณชั้นล่าง ภายในเจดีย์ นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเดินชมภายในได้นะคะ ครั้งนี้เราไม่ได้เข้าชมค่ะ (ปิดปรับปรุง) เราเคยเข้าไปชมเมื่อครั้งที่เที่ยวกับทัวร์ ซึ่งภายในห้องมีภาพเรื่องราวประวัติความเป็นมาของวัดและเทพเจ้าฟุโดเมียวโอด้วยค่ะ (แอบกลัว)
ได้เวลาต้องกลับกันเล้ว …ขากลับนี่เราเดินผ่านสวนป่า จากด้านหน้าเจดีย์ 5 ชั้น เดินลงบันไดไปยังด้านล่างบริเวณบ่อน้ำพุ (สูงจัง) เมื่อลงไปถึงด้านล่างแล้วมองย้อนกลับไปขึ้นไป จะเป็นภาพเจดีย์ที่สวยไปอีกแบบ … และภาพมองมุมสูงแบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งภาพในละครด้วยค่ะ
เราเดินผ่านสวนป่าไปด้านหน้าวัดกันเลยค่ะ (ระหว่างทางเดินในสวนป่าก็เป็นอีกฉากหนึ่งในละคร) สวนแห่งนี้ร่มรืน เงียบสงบ(มาก) ไม่ค่อยมีคนเดิน (น่ากลัว?) เราเดินไปเรื่อยๆ ก็จะพบทางออกที่สามารถเดินเชื่อมไปทางด้านหน้าของวัดได้ …เราไปถ่ายรูปที่วงเวียนดอกไม้กันต่ออีกหน่อย แวะร้านจำหน่ายของที่ระลึกของวัดก่อนที่จะลงไปซื้อเครื่องรางด้านล่าง
ตุ๊กตานำโชค “ดารุมะ” ที่อยากซื้อ
ดารุมะ (Daruma) เป็นตุ๊กตาที่มีลักษณะกลมๆ ทำจากกระดาษ หน้าตาน่ากลัว ไม่มีตา วัตถุประสงค์ก็เพื่อให้เราเขียนตาให้ท่านข้างนึงก่อน(เขียนตาขวา) แล้วอธิษฐานขอพร เมื่อสมหวังดังปรารถนาก็มาเติมตาอีกข้างนึงให้ท่านค่ะ …แท้จริงแล้ว(ตามความเชื่อ) ดารุมะก็คือตัวแทนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (พระโพธิธรรม) นั่นเอง
เดิมทีมีการผลิตดารุมะ 5 สี คือ สีฟ้า สีเหลือง สีแดง สีขาว และสีดำ ซึ่งเป็นตัวแทนของดิน น้ำ ลม ไฟ และอากาศ แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มสีและความหมายมากขึ้น… มาดูกันว่ามีสีอะไร และความหมายเป็นอย่างไร
* สีฟ้าหรือสีน้ำเงิน : ความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการสมัครงาน
*สีเหลือง : ความมั่งคั่ง มีเกียรติ มีชื่อเสียง มีทรัพย์สมบัติ
* สีแดง : ความโชคดี ความสำเร็จ ความเจริญรุ่งเรือง
* สีขาว : การศึกษา เล่าเรียน ความสามัคคี
* สีดำ : ขับไล่ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
* สีม่วง : สุขภาพที่ดี มีอายุยืนยาว
* สีทอง : ความสำเร็จในการแข่งขัน ความร่ำรวย
* สีเงิน : ความขยัน มุ่งมั่น พัฒนาตนเอง ส่งเสริมบุคลิกภาพ
* สีชมพู : ความรัก การแต่งงาน มิตรภาพ
* สีเขียว : สุขภาพ หายเจ็บหายป่วย มีชีวิตชีวา ผ่อนคลาย
* สีส้ม : ความปรารถนา และความฝันอันยิ่งใหญ่
ต้องกลับสนามบินกันแล้วนะ
คราวนี้เราไม่ได้กลับทางเดิม แต่กลับอีกทางหนึ่งค่ะ เลี้ยวขวา(หันหน้าออกจากวัด) เดินไปเรื่อยๆ บนถนนที่สองข้างทางมีร้านค้าสารพัด เราแวะซื้อไอศรีม ขนมใส้ถั่วแดง น้ำดื่ม เดินเพลินๆ แปปเดียวถึงสถานีรถไฟนาริตะ ซื้อตั๋ว(จากตู้) เดินเข้าไปรอรถไฟ จุดหมายไม่ไกลคือสนามบินนาริตะ
จังหวัดชิบะ เป็นอีกหนึ่งเมืองที่น่าเยือน หากมีเวลามากกว่านี้ จะขอเที่ยวทั้งเมืองชิบะเลยทีเดียว
——————————
*ดูรายละเอียดต่างๆ ของวัดนาริตะที่เว็ปไซต์ได้ที่นี่ค่ะ … http://www.naritasan.or.jp/english/about.html
* แผนที่การเดินทางจากสนามบินนาริตะ