เมื่อลูกอยากไป Work & Travel ที่อเมริกา … อ้าว ! แล้วยังไงดีล่ะ มีทั้งคนคัดค้าน และสนับสนุน แล้วเราจะเชื่อใครดีนะ ฟังทุกความเห็น แต่ท้ายที่สุดคือต้องตัดสินใจ (ใจเรานี่แหละ) … ไปสิ New York คือจุดหมายปลายทาง สถานที่ทำงาน และสถานที่เที่ยว ในประเทศอเมริกา
แล้วค่าใช้จ่ายเท่าไร? จะต้องทำอะไร อย่างไรบ้าง? ถ้าต้องไปจริงๆ เราจะทำใจได้ไหม? ไปแล้วจะได้อะไรกลับมาบ้าง ?… คำถามต่างๆ มากมาย ที่ต้องหาคำตอบ … หาข้อมูลทุกอย่าง จนนำไปสู่การไป Work & Travel เมื่อปีที่แล้ว (2560) …
สำหรับปีนี้ (2561) ลูกขอกลับไปอีกครั้ง (ที่เดิม) … New York (สถานที่ทำงานอยู่ที่ Brooklyn NY จะเริ่มทำงานกลางเดือนพฤษภาคม 2561 ที่สวนสนุก Luna Park, Coney Island)
ส่วนเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นการเล่าที่ผสมผสานข้อมูลและประสบการณ์ของปีที่แล้ว (2560) กับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นของปี 2561 (บางเรื่องก็เกิดขึ้นมาบ้างแล้ว เหลือแต่สัมภาษณ์วีซ่า รอเอเจนซี่แจ้งนัดวัน เวลาให้ไปสถานทูต)
มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง ?
* หาข้อมูลต่างๆ โดยเฉพาะเอเจนซี่ ที่เชื่อถือได้ ค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก … เอเจนซี่ที่ลูกไปเนี่ย ก็ได้รับการแนะนำบอกต่อมาอีกทีนึงค่ะ
* หลังจากตกลงว่าเลือกเอเจนซี่นี่นะ ก็ติดต่อเอเจนซี่ไปเลย ซึ่งจะต้องทำตามขั้นตอนต่างๆ ทั้งทดสอบภาษา อบรม เลือกสถานที่ทำงาน(บริษัทในอเมริกา) สัมภาษณ์งานกับนายจ้าง(นายจ้างจะมาสัมภาษณ์เองที่เมืองไทยประมาณเดือนมกราคม) สัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา(ต้องไปสัมภาษณ์ด้วยตนเองที่สถานทูต)
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตัวเลขของปีนี้ค่ะ (2561) ตัวเลขกลมๆ ประมาณ 130,000 บาท … มีอะไรบ้างมาดูกัน
ค่าใช้จ่ายเข้าร่วมโครงการ (ที่จ่ายผ่านเอเจนซี่) ทยอยจ่ายตามช่วงเวลาที่เอเจนซี่แจ้งไว้
งวดที่ 1 จำนวน 6,500 บาท (ค่าสมัคร) จ่ายเมื่อ 4 ต.ค. 2560
งวดที่ 2 จำนวน 25,000 บาท จ่ายเมื่อ 1 พ.ย. 2560 (1 เดือนต่อมา)
งวดที่ 3 จำนวน 37,400 บาท จ่ายเมื่อ 17 ม.ค.2561 (อีก 2 เดือนกว่าๆ)
**รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดรวมทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า 68,900 บาท
(ความจริงแล้วจะต้องเพิ่มอีก 10,000 บาท แต่ว่าลูกชายสมัคร 100 แรก ทางเอเจนซี่เขามีโปรโมชั่น เราจึงได้ส่วนลดนั้นค่ะ)
ค่ามัดจำบ้าน จำนวน 11,035 บาท จ่ายเมื่อ 17 ก.พ. 2561 (โอนผ่านบัญชีให้เจ้าของบ้านที่อเมริกา) … นักศึกษาต้องหาบ้านเช่าเอง เพราะที่นิวยอร์กค่าครองชีพสูง ทางบริษัทไม่ได้หาที่พักให้ (ปีแรกเราขอคำแนะนำจากคนรู้จัก ส่วนปีนี้ ลูกหาบ้านเช่าเองจากการถามเพื่อนๆ ที่เคยพักปีก่อน ซึ่งก็อยู่ใกล้กับที่เดิมเมื่อปีที่แล้ว แต่อยู่ใกล้สถานีรถไฟมากกว่า) …บ้านเช่าเป็นของคนไทยในอเมริกา อยู่ไม่ไกลจากแมนฮัตตันมากนัก (สะดวกเที่ยวในวันหยุด) แต่ระยะทางค่อนข้างไกลจากที่ทำงาน ต้องนั่งรถไฟ ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ (ขาเดียว) …ปีนี้ค่าเช่าบ้านตกคนละ 300 ดอลลาร์ต่อเดือน (พัก 3 คน) ที่จริงไปกัน 4 คน ส่วนอีก 1 คนได้ที่ทำงานในวอชิงตันดีซี
Pocket money เงินติดตัว จะให้ในวันที่ลูกเดินทาง (พ.ค. 2561) ไว้ใช้จ่ายในอเมริกา (ค่ากิน ค่ารถ) เพราะเดือนแรกเงินเดือนยังไม่ออก (ปีที่แล้วให้ไป 1,300 ดอลลาร์ ปีนี้คิดว่าจะให้ติดตัวไป 1,500 ดอลลาร์ เงินไทยก็ประมาณ 50,000 บาท)
***สรุปค่าใช้จ่ายทริปทำงานและเที่ยวปีนี้ ประมาณ 130,000 บาท (แบ่งจ่ายเป็นช่วงๆ ไม่ได้จ่ายครั้งเดียว)***
ส่วนประสบการณ์ปีที่แล้ว จากคำบอกเล่า(และดูจากภาพ)
* ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน (ทำงานในซุ้มขายไอศกรีม หน้าที่แคชเชียร์เป็นหลัก …ได้ฝึกภาษา)
* อาหารไม่แพง …ส่วนใหญ่กินในร้านอาหารจีน ร้านอาหารไทยบ้าง ฟาสฟูดส์บ้าง ทำกินเองบ้าง(มาม่า)
* ได้เพื่อนใหม่ๆ ที่ทำงานด้วยกันจากหลายประเทศ (ได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่น)
* เที่ยวในวันหยุด ทั้งที่ใกล้ที่พัก ใกล้ที่ทำงาน (ได้เรียนรู้วัฒนธรรม) … จบโครงการไปเที่ยวไกลหน่อย ที่บอสตัน แมสซาซูเซตส์ (5 วัน) และขากลับ(ต่อเครื่องที่ญี่ปุ่น) แวะเที่ยวโตเกียว(อีก 5 วัน)
ภาพถ่ายที่ลูกส่งมาให้(เที่ยว)ในนิวยอร์ก
ที่ทำงาน และอาหารการกิน
และนี่ก็บอสตัน แมสซาซูเซตส์
ส่วนในญี่ปุ่น ไม่ได้ถ่ายภาพ (มือถือพังซะก่อน) … พาเพื่อนเที่ยวที่เดิมๆ ในโตเกียว เช่น ฮาราจูกุ ชินจูกุ ชิบุยะ อากิฮาบาระ อุเอโนะ วัดอาซากุสะ ตลาดปลาสึกิจิ โอไดบะ ฯ และ ฮาโกเน่ …ภาพที่นำมาลงให้ดูต่อไปนี้ เป็นภาพที่ถ่ายจากมือถือของเพื่อนค่ะ (ยืมถ่ายแล้วส่งไลน์ให้แม่ดู เพราะคิดว่าแม่น่าจะฝากซื้อของที่ญี่ปุ่น)
นั่ง NEX เข้าโตเกียว
เครื่องรางวัดอาซากุสะ
ถั่วที่ตลาดปลาสึกิจิ (แม่ชอบ)
เครื่องสำอาง(แป้งที่แม่เคยใช้)
อยากบอกว่า… ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะเหลือเงินกลับมาให้เท่าไร หรือไม่เหลือเลยก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ขอให้ลูกได้เรียนรู้วัฒนธรรม การอยู่ร่วมกับคนอื่น รับผิดชอบตัวเอง รู้จักแก้ปัญหา มีระเบียบวินัย อยู่ในกฏกติกาต่างๆ เท่านั้นก็พอแล้ว !! (เพราะในอนาคตข้างหน้า เขาจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง บทบาทของพ่อแม่ก็เริ่มลดลง)
ของฝากจากอเมริกาที่ลูกอุตส่าห์ หอบหิ้วกลับมาฝากพวกเรา ก็คือ กระเป๋า รองเท้า ขนม และเงินดอลลาร์(เหลือกลับคืนให้แม่ประมาณ 2 หมื่นบาท)
สำหรับปีนี้ลูกบอกว่าจะลองหางานที่ 2 ทำเพิ่ม เพื่อจะได้มีเงินเหลือมาคืนแม่มากกว่าปีที่แล้ว ! …ไม่รู้จะได้อย่างที่คิดรึเปล่า ? ไว้ติดตามกันต่อไปค่ะ
หลังจบโครงการของปีนี้(2561) ลูกบอกว่าจะแวะเที่ยวที่เกาหลีสัก 3 วัน (?) … สำหรับการต่อเครื่องทั้งไปและกลับ(transit) เราสามารถแจ้งเอเจนซี่ได้ว่า ขากลับ ขอแวะเที่ยวที่เมืองใดก่อนกลับไทย(เกาหลีหรือญี่ปุ่น) เอเจนซี่จะดำเนินการเรื่องตั๋วให้เรียบร้อยเลยค่ะ (ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม) ส่วนเรื่องที่พักระหว่างเที่ยวลูกก็จองกันเอง(แม่จ่าย)
จบเรื่องเล่าเท่านี้นะคะ หากเรามีโอกาสไปอเมริกาด้วยตัวเอง (ลูกชวนไปเที่ยวหลังจบโครงการ) จะเก็บภาพและความประทับใจมาเล่าอีกครั้งค่ะ
ข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยชน์
** โครงการ Work and Travel (ทำงานและท่องเที่ยว) เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1, 2, 3 และ 4 และนักศึกษาระดับปริญญาโทที่มีอายุไม่เกิน 28 ปี ได้ไปใช้เวลาว่างในช่วงปิดภาคการศึกษา ระยะเวลา 3-4 เดือน (พ.ค. – ส.ค.) ไปเรียนรู้ภาษา วัฒนธรรม และท่องเที่ยวในประเทศต่างๆ เช่น อเมริกา สิงคโปร์ ฝรั่งเศส
** ช่วงที่เปิดรับสมัคร(สมัครล่วงหน้า) ประมาณเดือนมิถุนายนของทุกปีก่อนเริ่มทำงานและเที่ยวในปีถัดไป (กรณีของลูก…ทำงานและเที่ยว รวมระยะเวลาประมาณ 3 เดือน คือ กลางพฤษภาคม – กลางสิงหาคม)